“นี่พวกเจ้ารู้เรื่องนี้กันหรือไม่ ? เมื่อไม่นานมานี้ มีคนเล่าลือกันว่า คุณหนูใหญ่ของตระกูลของเราไปมีความสัมพันธ์กับชายแปลกหน้าข้างนอก และนางถูกคุณหนูรองจับได้ต่อหน้าต่อตาระหว่างกำลังมีอะไรกันเลยล่ะ ทั้งคุณหนูใหญ่ยังทำให้เรื่องราวเลวร้ายลงไปอีก โดยการใส่ความคุณหนูรองว่ากลั่นแกล้ง และใช้อุบายทำร้ายนาง เจ้าว่าที่คุณหนูใหญ่พูดนั่นเชื่อถือได้หรือไม่ล่ะ ? ส่วนคุณหนูรองถึงกับร้องห่มร้องไห้ด้วยความโมโหเมื่อเจอคำพูดแบบนั้นเข้า”
“พูดถึงคุณหนูใหญ่แล้ว ข้าก็อดชื่นชมในความโชคดีของนางไม่ได้ เจ้าว่ามั้ย ? ขนาดนางเป็นคนไร้สามารถเช่นนั้น นางก็ยังได้เป็นถึงคู่หมั้นขององค์ชายรอง ทั้งที่องค์ชายไม่แยแสความไร้สามารถของนางเลยแม้แต่น้อย ! แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังนอกใจองค์ชายอีก”
“ข้าน่ะรู้ดียิ่งกว่านั้นอีกนะ ! นางไม่ใช่แค่เสียความบริสุทธิ์ แต่คุณหนูใหญ่นางตั้งครรภ์อีกด้วย ! เรื่องฉาวโฉ่นี้แพร่สะพัดไปทั่ว ก็ไม่รู้ว่าคนในราชสำนักจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด”
“ข้าก็ได้ยินมาเช่นกันว่า เพื่อชดเชยให้กับองค์ชายรองแล้ว สกุลไป๋ของเราถึงกับหมั้นหมายคุณหนูรองให้เขาแทน แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ? ทั้งที่คุณหนูรองถูกกล่าวหาขนาดนั้นนางก็ยังให้อภัย เช่นนั้นนางจึงพยายามเกลี้ยกล่อมคุณหนูใหญ่ให้เป็นพระสนม บอกข้าหน่อยสิว่า ในฐานะสตรีที่สูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว เจ้าคิดว่าคุณหนูใหญ่ยังคู่ควรจะเป็นพระสนมขององค์ชายรองอีกกระนั้นหรือ ?”
*****
ไป๋หยานนั่งอยู่บนเตียงของตน นางลูบไล้หน้าท้องที่ยังคงแบนราบอยู่เบา ๆ นางได้ยินทุกถ้อยคำนินทาอย่างเมามันที่ดังลอยมาจากภายนอก ทว่าแววตาของนางยังไร้อารมณ์ มีเพียงความสงบราวกับน้ำในบ่อน้ำที่ไม่มีคลื่น
*****
สามเดือนที่แล้ว ครั้งที่นางมาถึงโลกนี้ใหม่ ๆ ช่วงเวลาที่นางยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่นัก น้องสาวตัวดีของนาง ไป๋รั่ว ได้หาชายหน้าตาน่าเกลียดคนหนึ่งมาจัดการนางโดยที่นางเองไม่ทันตั้งตัว
โชคดี…ที่นางหนีรอดมาได้
ทว่าถึงแม้จะรอดพ้นมาจากอุ้งมือมาร หากแต่ที่สุดแล้วนางก็ต้องพ่ายแพ้ นางไม่อาจต้านทานยาปลุกกำหนัดในร่างกายของตนได้ นางจำต้องอาศัยพึ่งพาชายหนุ่มที่นางไปสุ่มหามาได้จากในป่า เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานจากฤทธิ์ยา
แม้ว่าช่วงเวลาที่ไป๋รั่วมาถึงที่เกิดเหตุนั้น จะเหลือนางเพียงลำพังในป่า ทว่าทุกอย่างที่ทิ้งร่องรอยไว้บนเรือนร่างของนางก็ชัดเจนมากพอที่จะบ่งชี้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
จู่ ๆ ไป๋หยานก็พลันระลึกได้ถึงแววตากระหายเลือดคู่หนึ่งของชายแปลกหน้า ทว่าภาพที่นางเห็นกลับเลือนลางพร่ามัวราวกับหมอกควัน นางไม่แน่ใจว่าเกิดจากผลกระทบของฤทธิ์ยา หรือเกิดเพราะความเจ็บปวดทรมานของนางกันแน่ นางจดจำไม่ได้ แม้แต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเสียด้วยซ้ำ …
“พี่ใหญ่” เสียงที่คุ้นเคยดึงนางกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้น พร้อมกับแสดงท่าทางต้อนรับชายหนุ่มรูปงามที่เดินผ่านประตูเข้ามา
จากความทรงจำที่นางได้รับผ่านเจ้าของร่างเดิม ไป๋หยาน สามารถบอกได้ว่า เด็กหนุ่มผู้นี้มีนามว่า ไป๋เซียว น้องชายแท้ ๆ ที่เกิดจากมารดาคนเดียวกัน เขาเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่นางห่วงใย
หลังจากมารดาผู้ให้กำเนิดนาง… หลานเยี่ย เสียชีวิตเมื่อหลายปีที่ผ่านมา บิดาแท้ ๆ ของนาง… ไป๋เฉิงเซียง ได้เลื่อนสถานะหนึ่งในอนุภรรยาของเขาขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ หญิงผู้นั้นมีนามว่า หยูหรง (แม่เลี้ยง) และบุตรสาวสองคนของนางก็คือ ไป๋รั่ว และไป๋จื่อ คนทั้งสามขึ้นมาเหยียบหัวไป๋หยาน และน้องชาย หากมิใช่เป็นเพราะชื่อเสียงสกุลหลานที่ทรงอำนาจของท่านแม่แล้ว นางกับน้องชายคงจะถูกเฉดหัวออกจากบ้านหลังนี้ และต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งไร้คนเหลียวแล
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งย่อมผันแปรตามกาลเวลา ทุกวันนี้ไม่มีผู้ใดเลยที่ยังจดจำเสาหลักที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ‘สกุลไป๋’ ได้ และเสาหลักที่ว่านั้นเกิดจากการสนับสนุนของสกุลหลาน
ช่วงเวลานั้นเหตุเพราะไป๋เฉิงเซียงมีอนุเล็ก ๆ มากมายหลายคน ทำให้เจ้าบ้านสกุลหลานปฏิเสธที่จะยกบุตรสาวให้แต่งงานกับไป๋เฉิงเซียง แต่เป็นเพราะหลานเยี่ยขู่ว่าจะตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก จึงทำให้เจ้าบ้านสกุลหลานจำต้องตกลง
เพื่อไม่ให้หลานเยี่ยต้องเสียหน้า ในการสมรสครั้งนี้สกุลหลานได้เตรียมชุดเจ้าสาวที่ยาวกว่าสิบหลี่** เพื่อสร้างความประทับใจให้ชาวเมืองโดยทั่วกัน อีกทั้งสกุลหลานยังซื้อยาดีจำนวนนับไม่ถ้วน เพื่อเป็นของขวัญให้กับหลานเยี่ย
**1 หลี่ = ความยาว 500 เมตรเป็นตัวชี้วัดจีนที่ไม่ได้ใช้บ่อยอีกต่อไป
หากแต่บางสิ่งก็เกินความคาดหมาย ไม่นานหลังจากนั้น หลานเยี่ยก็ไม่สามารถต้านทานถ้อยคำหวาน ๆ ของสามีนางได้ นางช่างโง่เขลาหลงลมปากสามี กระทั่งยอมมอบยาเม็ดล้ำค่าที่ครอบครัวของนางมอบให้แก่นาง นางมอบยาเม็ดล้ำค่าเหล่านั้นให้แก่เขา ด้วยยาเม็ดล้ำค่าพวกนี้ ทำให้ฐานะของไป๋เฉิงเซียงเลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสกุลไป๋ก้าวขึ้นสู่ตระกูลขุนนางที่มีเกียรติอันดับต้น ๆ
อาจกล่าวได้ว่าสถานภาพอันทรงเกียรติของสกุลไป๋ในยามนี้ เป็นผลเนื่องมาจากความเสียสละของหลานเยี่ย
ขนาดไป๋หยานเองก็ยังโมโหกับแผนการชั่วร้ายนี้ ไม่แปลกใจเลยหากเจ้าบ้านสกุลหลานจะโกรธเกรี้ยวแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี นี่เป็นเหตุว่าไยเจ้าบ้านสกุลหลานจึงไม่ใส่ใจในตัวนางนัก นั่นเป็นเพราะเขาผิดหวังในตัวบุตรสาวของเขาเป็นอย่างยิ่ง
กล่าวง่าย ๆ ก็คือเจ้าบ้านสกุลหลานต้องปวดร้าวทรมานใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองแท้ ๆ
“พี่ใหญ่” ไป๋เซียวพยายามเอ่ยปากพูด “อย่าเสียใจไปเลย องค์ชายรองจะต้องเสียใจที่ถอนหมั้นพี่ ข้าสังเกตเห็นมานานแล้วว่า สายตาของไป๋รั่ว และองค์ชายรองดูแปลกไปความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาย่อมไม่ธรรมดาแน่”
***จบบท กำเนิดจิ้งจอกน้อยจอมซ่าส์ (1)***