ไป๋เสี่ยวเฉิน โบกมือเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ของเขาด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวมี่ ! มากับข้า มาช่วยข้าเก็บของ”
เจ้าตัวที่เขาเรียกว่าเสี่ยวมี่กำลังนอนอาบแดดถัดจากประตูทางเข้า ทันทีที่ได้ยินจิ้งจอกน้อยเรียก มันก็เงยหน้าขึ้นมองจิ้งจอกน้อยอย่างเกียจคร้าน “ข้าเป็นเสือขาวนะ ท่านอย่าเรียกข้าเหมือนเรียกแมวน้อยแบบนั้นได้มั้ยอะ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินหงุดหงิดขึ้นมาทันที เขาท้าวสะเอว ทำหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะกล่าวว่า “เสี่ยวมี่ เจ้าคือแมวของข้า ต่อให้เจ้าปฏิเสธยังไง ก็เป็นเรื่องของเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็ยังคงเป็นแมวของข้ารู้รึไม่ ?”
หากเสือขาวตัวน้อยเป็นคน ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเขาก็คงจะแสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็น
มันสืบเชื้อสายมาจากเผ่าเสือขาวที่น่าเกรงขาม ซึ่งมันแสนจะภาคภูมิใจ ทว่าพ่อทูนตัวตัวน้อยนี่จะให้มันเปลี่ยนเป็นแมว ลดระดับกันจนไม่เหลือศักดิ์ศรี แล้วยังเอาแต่ให้มันกินปลาแห้งตัวเล็ก ๆ อีก
โอ้…มันอยากกินเนื้อเสียเหลือเกิน มันควรทำเช่นไรดี ?
“เสี่ยวมี่ มาที่นี่ไวไว ร้อง “เมี้ยว” สิ หากเจ้าร้อง “เมี้ยว” ข้าจะให้เจ้าได้กินเนื้อ”
แน่นอนว่าเด็กคนนี้สามารถเอาเนื้อย่างมาให้มันได้ ทว่ามันก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด นั่นก็คือการเข้าไปคลอเคลียเคล้าแข้งขา ในขณะที่น้ำลายเสือแทบจะไหลย้อยแล้ว
ผู้ใดจะทนกลิ่นหอมยั่วยวนของเนื้อย่างได้ จิตใจที่เคยตั้งมั่นของเสี่ยวมี่ในฐานะเสือขาวพังทลายลงทันที “เมี้ยว…”
“นั่นล่ะ ทำได้ดีมาก” ไป๋เสี่ยวเฉินยื่นเนื้อย่างให้พร้อมกับตบหัวเสือน้อยเบา ๆ “เชื่อฟังข้า แล้วเจ้าจะได้กินเนื้ออร่อย ๆ !”
เสือน้อยผงกหัวปะหลก ๆ อย่างท้อแท้ เสี่ยวมี่ไม่สนใจเรื่องอื่นใด ขอเพียงได้กินเนื้อทุกวัน ศักดิ์ศรีน่ะหรือ ก็พอมองข้ามกันได้
ไป๋หยานมองดูการโต้ตอบระหว่างเด็กน้อยกับสัตว์อสูรอย่างพึงพอใจ แววตาของนางเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม ยามนี้นางกำลังนอนตะแคงข้างอยู่บนตั่งอย่างสบาย ๆ ชุดสีแดงของนางสดใสราวกับพรมแดง งดงามอย่างน่าอัศจรรย์
ช่างเป็นภาพที่แสนอบอุ่น ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำลายความอบอุ่นนี้ ข้ายอมแลกด้วยชีวิตของข้า หากผู้ใดกล้าพรากบุตรชายของข้าไป มันผู้นั้นจะต้องชดใช้อย่างสาสม แม้ว่าข้าจะต้องพลิกโลกทั้งใบก็ตามที !
“ไปเถอะ พวกเราจะไปกล่าวอำลาอาจารย์ตาของเจ้ากัน”
*****
ลานดอกท้อตั้งอยู่ใจกลางเกาะ ที่นั่นเต็มไปด้วยดอกท้อสีชมพูบานสะพรั่งปกคลุมไปทั่ว บรรยากาศเงียบสงบ และร่มเย็น ราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์
หากเพียงจะไม่ได้ยินเสียงดัง “ปัง” ที่ลั่นขึ้นในเวลานี้
“เจอปัญหาอีกแล้ว…” ไป๋เสี่ยวเฉินพึมพำ หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น เด็กน้อยสังเกตเห็นใบหน้าของมารดา ก่อนจะร้องอุทานออกมา งานนี้ต้องมีคนดวงจู๋อย่างแน่นอน
เขารีบจูงมือไป๋หยานเดินตามเสียงนั้นไป ขณะเดียวกันดวงตาใสบริสุทธิ์ของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอิ่มอกอิ่มใจ
ภายในป่า นอกจากจะมีดอกท้อบานสะพรั่งแล้ว ก็ยังมีสมุนไพรอีกหลากหลายชนิดที่ไป๋หยานปลูกไว้ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ครั้นนางเห็นผลงานของนางถูกทำลายลง หัวใจของนางก็เหมือนถูกกรีด สิ่งนี้สามารถอธิบายถึงความรู้สึกของนางในเวลานี้
ทันใดนั้นเอง ไป๋หยานก็จ้องมองไปที่ชายชราทั้งสามซึ่งยืนนิ่งงันอยู่เบื้องหน้า “ผู้ใดเป็นคนทำลายต้นยา รวมถึงสวนสมุนไพรของข้า”
พร้อมกันนั้นไป๋เสี่ยวเฉินก็กล่าวเสริมขึ้นว่า “อาจารย์ตาทั้งสาม ยอมรับมาเสียดี ๆ พวกท่านจะได้ไม่ต้องเจออะไรมาก หากพวกท่านดื้อดึงก็จะเจ็บตัวหนักขึ้นนะ”
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้าและอาจารย์รองของเจ้านะ” ผู้เฒ่าซึ่งแทนตนเองว่าอาจารย์ใหญ่นามว่า เจิ้งฉี กล่าวออกตัว ใบหน้าของเขาแลดูเคร่งขรึม ราวกับกำลังรู้สึกเจ็บปวดอย่างแท้จริง “ข้าและอาจารย์รองของเจ้าต่างก็มาถึงที่นี่ภายหลังจากได้ยินเสียงระเบิดเช่นกัน ผู้ใดจะคาดคิดล่ะว่า ตาเฒ่าสาม คนชั่วนี่จะทำเรื่องบ้าบอเช่นนี้ขึ้นได้ ช่างมากเกินไปจริง ๆ ตอนแรกเขาขโมยสูตรยาของเจ้ามา จากนั้นเขาก็แอบกลั่นยาโดยไม่ได้รับอนุญาต มาถึงตอนนี้เขายังทำลายสวนสมุนไพรของเจ้าอีกด้วย ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรปล่อยเขาไปง่าย ๆ นะ !”
อีกคนผู้ซึ่งเป็นอาจารย์รองมีนามว่า เหรินอี้ รีบเสริมคำให้การของอาจารย์ใหญ่ให้สมบูรณ์ขึ้น “ใช่แล้ว ศิษย์ข้า พวกเรามาที่นี่เพื่อจับตัวคนร้าย บัดนี้เจ้ามีอิสระที่จะจัดการตาเฒ่าสามแล้ว พวกเราจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตีเขาให้ตายเลย”
“พวกเจ้า…”อาจารย์สามผู้มีนามว่า ฉิวชู่หรงใบหน้าแดงก่ำ เขารู้สึกผิดหวังอย่างมากกับชายไร้ยางอายทั้งคู่ที่เขาเคยนับถือเป็นพี่น้อง “ต่อไป อย่าแม้แต่จะบอกว่าพวกเจ้ารู้จักข้า !”
***จบบท กำเนิดจิ้งจอกน้อยจอมซ่าส์ (10)***