ไป๋หยานรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย นางเผลอแตะริมฝีปากของตน
ทว่านั้นกลับยิ่งดึงดูดความสนใจของเด็กชาย ไป๋เสี่ยวเฉินเห็นริมฝีปากของไป๋หยานมีร่องรอยแตกก็โกรธจัดขึ้นมาทันที “เจ้าจอมวายร้ายนั่น กัดหม่ามี้อีกแล้วเหรอ ?”
“ไม่มีอะไร”
ไป๋หยานยิ่งอายหนักขึ้น
นางจะอธิบายเรื่องนี้ให้เฉินเอ๋อฟังได้อย่างไร
แววตาของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความทุกข์ “หม่ามี้เจ็บมั้ย ? เวลาหม่ามี้เป่าแผลให้เฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อก็หายเจ็บ”
ไป๋เสี่ยวเฉินพยายามเขย่งเท้ายืดตัวขึ้นไปหาไป๋หยาน กระทั่งนางต้องโน้มตัวลงมา จากนั้นเขาก็เป่าลมร้อนเบา ๆ ขณะที่มือน้อย ๆ ของเขาก็แตะริมฝีปากที่แตกของนาง
“เฉินเอ๋อ” ไป๋หยานดึงเด็กชายตัวน้อยเข้าสู่อ้อมกอด นางจ้องมองเขาพลางถามเบา ๆ ว่า “ลูกอยากพบญาติ ๆ ของแม่หรือไม่ ?”
นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันที “หม่ามี้จะให้เฉินเอ๋อพบพวกเขาหรือ ?”
“อย่างไรเสียตอนนี้ตี้คังก็พบตัวเจ้าแล้ว ไม่จำเป็นที่จะซ่อนตัวอีกต่อไป…นอกจากนี้..” ไป๋หยานหยุดพูดครู่หนึ่ง “พิจารณาจากนิสัยของตี้คังแล้ว แม่แน่ใจว่าเขาไม่มีวันปล่อยให้ผู้ใดรังแกเจ้าได้”
เสี่ยวมี่ที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน
รังแกพ่อทูนหัวนี่น่ะเหรอ ? มีแต่เด็กน้อยผู้นี้ต่างหากที่จะรังแกผู้อื่น ! คนอย่างนายน้อยน่ะหรือจะถูกผู้ใดรังแกได้ ?
“หม่ามี้ ลูกรักหม่ามี้ที่สุดเลย“
และแล้ว…
ไป๋เสี่ยวเฉินก็ประทับริมฝีปากเล็ก ๆ อันอ่อนนุ่มลงบนใบหน้ามารดาของเขา จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างไร้เดียงสา น่ารักน่าเอ็นดู “หม่ามี้ ท่านตาทวดจะชอบเฉินเอ๋อเหมือนกับท่านน้ามั้ย ?”
“อืมมม”
ไป๋หยานพยักหน้าน้อย ๆ นางลูบศีรษะของบุตรชาย พลางกล่าวตอบว่า “อย่างไรเสีย การไปพบพวกเขาเหล่านั้นก็ยังมิใช่เรื่องเร่งด่วนนัก แม่ต้องคิดหาวิธีที่เหมาะสมในการแนะนำเจ้ากับพวกเขาเสียก่อน“
“ได้ !” ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างยินดี “เฉินเอ๋อจะบอกข่าวดีนี้กับท่านน้า ! ตอนนี้เฉินเอ๋อไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไปแล้ว !“
ครั้นเห็นท่าทางตื่นเต้นดีใจของเด็กน้อย ไป๋หยานก็รู้สึกผิด ในใจของนางรู้สึกเศร้า นางเริ่มสงสัยว่า สิ่งที่นางทำอาจผิดมาตั้งแต่ต้น
นับแต่เริ่มแรก นางไม่ควรเพิกเฉยต่อความต้องการของไป๋เสี่ยวเฉิน นางไม่ควรซ่อนตัวเขาไว้ …
“ให้เสี่ยวมี่น้อยไปกับเจ้าด้วย”
ไป๋หยานยิ้ม ตราบใดที่มีเสี่ยวมี่อยู่ข้าง ๆ นางก็แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายบุตรชายของนางได้
นอกจากนี้ ยังมีคนที่นางสั่งให้ฮัวหลัวจัดไปคอยเฝ้าอารักขาน้องชายของนางอยู่ที่นั่นด้วย
*****
พระตำหนักองค์รัชทายาท
นับแต่ไป๋รั่วกลับจากวังหลวง นางก็รู้สึกคันทั่วร่างอย่างไม่อาจอธิบายได้ เช่นนั้นนางจึงมักจะยกมือเกายุกยิกตลอดเวลา
เหมือนมีมดนับหมื่นตัวคลานอยู่บนร่างของนาง ทำให้นางรำคาญตลอดเวลา
ตูม !
ทันใดนั้นเอง เท้า ๆ หนึ่งก็เตะกระแทกบานประตูกระทั่งเปิดออก ไป๋รั่วเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ แล้วนางก็เห็นองค์รัชทายาทพระสวามีของนางเดินเข้ามาด้านใน พร้อมด้วยใบหน้าดำคล้ำ
“ฝ่าบาท ?”
ไป๋รั่วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว นางอยากจะเกาทั่วทั้งร่างอีกแล้ว หากแต่ก็ต้องระงับใจไว้ เพราะยามนี้หนานกงอี้มาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้านางแล้ว
“ไป๋รั่ว !” สีหน้าของหนานกงอี้แลดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก “เจ้าเป็นผู้ขอให้เสด็จแม่ของข้าออกราชโองการนั้นใช่หรือไม่ ?”
ไป๋รั่วนิ่งงันด้วยความประหลาดใจ นางรีบเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเพคะ”
“เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น ? เจ้าก็รู้จักนิสัยใจคอของไป๋จื่อดีมิใช่รึ ? อย่างนางจะเป็นพระชายาอ๋องคังได้อย่างไร ? ไหนยังจะให้ไป๋หยานเป็นพระสนมอีก เพราะราชโองการนี้ ทำให้เสด็จพ่อของข้ากริ้วมาก ทรงปลดเสด็จแม่ของข้าออกจากฮองเฮา ตอนนี้นางถูกส่งเข้าไปขังอยู่ในตำหนักเย็น และห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมนางด้วย ! ”
หนานกงอี้กำหมัดแน่น ใบหน้าของเขาดำคล้ำด้วยความโกรธแค้น
ครั้นไป๋รั่วรู้ว่าไม่มีผู้ใดสามารถเข้าพบพระมารดาของสวามีนางในตำหนักเย็นได้ ! นางก็รู้สึกโล่งใจ
“ฝ่าบาท หม่อมฉันจะไปโน้มน้าวให้เสด็จแม่ทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร ?” ไป๋รั่วกัดริมฝีปากของนางเบา ๆ พร้อมกับแสดงอาการคล้ายว่านางเองก็รู้สึกผิด “ตอนที่หม่อมฉันไปที่วัง หม่อมฉันและเสด็จแม่ได้พบกับไป๋หยานในสวนหลังวัง ไป๋หยานบอกว่าตำแหน่งพระชายานั้นธรรมดาไปสำหรับนาง ทั้งนางยังบอกอีกว่า ในเมื่อหม่อมฉันแย่งตำแหน่งนี้มาจากนาง เช่นนั้นสักวันนางจะทวงคืนอย่างแน่นอน ! เสด็จแม่อาจจะกริ้วด้วยเหตุนี้ก็เป็นได้ ! นอกจากนี้เสด็จแม่ยังทรงทราบว่าอ๋องคังหลงใหลในตัวพี่สาวของหม่อมฉันอย่างเห็นได้ชัด พระองค์จึงส่งราชโองการนั้นออกไป”
***จบบท หนานกงอี้โกรธเกรี้ยว***