ยิ่งไปกว่านั้น หากนำเด็กนี่ไปขายให้ “พวกรักเด็กชาย” ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ อาจจะได้ยาเม็ดจิตวิญญาณสักเม็ด
“ท่านน้า“
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินได้ยินคำพูดของหยูฮูหยินผู้เฒ่า เขาก็แสดงท่าทางตกใจ พร้อมทั้งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว “หญิงชราคนนี้น่ากลัวจัง นี่นางคงไม่ได้คิดจะขายเฉินเอ๋อใช่มั้ย ?”
แววตาของไป๋เซียวอ่อนโยนลง “อย่ากังวลไปเลย นางไม่มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นหรอก เพราะนางไม่ได้มีสิ่งใดเกี่ยวพันกับเจ้า“
“จริงเหรอ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินย่นจมูกเล็ก ๆ น่ารักของเขา “แต่เมื่อตอนที่เฉินเอ๋ออยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์นั้น เฉินเอ๋อเคยเห็นสุนัขจิ้งจอกใช้วิธีหลอกฉกอาหารออกมาจากปากของอีกา แววตาของมันทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งขี้โกงเหมือนกับยายแก่คนนี้เปี๊ยบเลย เฉินเอ๋อกลัว…“
หยูฮูหยินผู้เฒ่าหน้าเสีย นางพยายามระงับความโกรธอย่างยากเย็น ครั้นนางสงบลงได้ นางก็เผยรอยยิ้มที่แลดูกระอักกระอ่วนออกมา
“น้ำเสียงของข้าอาจจะดุไปบ้าง ทว่าข้าจะขายเจ้าได้ยังไง อย่างไรเสียเจ้าก็ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา”
แม้ว่าหยูฮูหยินผู้เฒ่า จะใช้แซ่หยู หากแต่นางก็คิดเสมอว่านางเป็นคนบ้านสกุลไป๋ เช่นนั้นนางจึงเอ่ยวาจาดังกล่าว
“แล้วเจ้าไม่ต้องการพบท่านตาของเจ้าบ้างหรือ ?”
“ท่านตา ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเบะปากด้วยความไม่พอใจ ผู้ชายเลว ๆ ที่ขังท่านน้าไว้ที่หอบรรพชนทั้งที่ท่านน้ากำลังป่วยเนี่ยนะ ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเขาเลย ตอนนี้ยายแก่นี่ยังคิดว่าข้าอยากจะพบชายคนนั้นอีก !
“แม้ว่าเจ้าจะไม่รู้จักยายทวดเช่นข้า ทว่าอย่างไรเสียท่านตาก็คือท่านตาแท้ ๆ ของเจ้า ไหน ๆ เจ้ากับมารดาก็มาถึงเมืองนี้แล้ว หากไม่ไปพบท่านตา แล้วเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มารดาของเจ้าย่อมจะต้องเสียชื่อแย่เลย”
แม่เฒ่าวางแผนหลอกล่อเด็กน้อยหวังให้กลับบ้านสกุลไป๋ก่อน หากทำการได้สำเร็จ ต่อจากนั้นย่อมจัดการทุกสิ่งได้ดั่งใจ
“เฉินเอ๋อ…” ไป๋เซียวมองหยูฮูหยินผู้เฒ่า ครั้นเห็นสีหน้าที่แลดูเจ้าเล่ห์นั่นก็อดใจหายไม่ได้ “ให้น้าพาเจ้ากลับไปหาท่านแม่เถอะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินปฏิเสธไป๋เซียว เขาขยิบนัยน์ตากลมโตที่แลดูไร้เดียงสา ทว่ามีประกายชั่วร้ายให้ไป๋เซียวแทน
“เอ่อ… เฉินเอ๋ออยากพบท่าตา”
ฮึ่ม !
ตาแก่ชั่วนั่นรังแกหม่ามี้ของข้ากับท่านน้า ! ครานี้ล่ะถึงเวลาที่ข้าต้องเผชิญหน้ากับเขาแล้ว !
หยูฮูหยินผู้เฒ่ายกยิ้มอย่างพึงใจ ทว่านางก็ถูกกลุ่มคนที่มามุงดูขัดจังหวะ กระทั่งนางหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“หนูน้อย เจ้าอย่าได้ไปที่บ้านสกุลไป๋กับนางเลย เมื่อครู่นางเรียกเจ้าว่าเป็นลูกนอกคอก เช่นนั้นหากเจ้าก้าวเข้าบ้านสกุลไป๋แล้วล่ะก็ เจ้าย่อมต้องถูกนางรังแกเป็นแน่“
เมื่อหกปีก่อน ครั้งที่ไป๋หยานจากไปโดยไม่ร่ำลา ข่าวเรื่องการหนีตามผู้ชายก็แพร่ออกมาจากบ้านสกุลไป๋ ในครั้งนั้นหยูฮูหยินผู้เฒ่าก็มาเป็นลมบนท้องถนน ทุกคนต่างก็คิดว่าคงเป็นเพราะนางรักไป๋หยานมาก กระทั่งรับเรื่องนี้ไม่ได้
ทว่าบัดนี้ หลังจากได้ยินถ้อยวาจาดูถูกเหยียดหยามจากหญิงชราเมื่อครู่ ทั้งยังมีข่าวลือหนาหูออกมาจากในวังอีกว่า ผู้ที่มีความสัมพันธ์กับไป๋หยานก็คืออ๋องคัง ! เนื่องจากอ๋องคังบังคับใจนางด้วยเหตุที่เขาโดนวางยา จึงทำให้นางต้องตกที่นั่งลำบาก …
เช่นนั้นข่าวเรื่องการหนีตามผู้ชายของไป๋หยานจึงไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น หากบ้านสกุลไป๋เห็นไป๋หยานหนีตามผู้ชายกับตาจริง ๆ เหตุใดจึงไม่ห้ามนาง ? เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรหมกเม็ด
ยิ่งได้ยินหยูฮูหยินผู้เฒ่าดูหมิ่นไป๋เสี่ยวเฉินว่าเป็นลูกนอกคอก ยิ่งชัดเจนว่าสิ่งที่หญิงชรารู้สึกกับไป๋หยานคงมิใช่ความรักเอ็นดูเช่นที่คนสกุลไป๋กล่าวอ้าง
“ท่านน้า ท่านลุง และท่านป้า” ไป๋เสี่ยวเฉินโค้งคำนับทักทายฝูงชนอย่างสุภาพ “ในงานเลี้ยงต้อนรับที่บ้านสกุลหลาน ท่านแม่ของเฉินเอ๋อได้ตัดขาดกับบ้านสกุลไป๋แล้ว ความจริงข้อนี้ทุกคนคงทราบดี แต่หญิงชราคนนี้ก็ยังคงวุ่นวายกับเฉินเอ๋อไม่เลิก นางอ้างว่าเฉินเอ๋อจะทำให้ท่านแม่ต้องได้รับความอัปยศ หากเฉินเอ๋อไม่ไปกับนาง เช่นนั้นเพื่อรักษาเกียรติยศของท่านแม่ เฉินเอ๋อจึงจำต้องเดินทางกลับบ้านสกุลไป๋พร้อมกับนาง”
***จบบท ไป๋เสี่ยวเฉินต้องไปบ้านสกุลไป๋***