“เด็กโง่ !” หญิงชราตวาดด้วยความโมโห “ไป๋เฉิงเซียง ต้องการที่จะประจบหอบุปผา หากสามารถใช้ไป๋เสี่ยวเฉินเชื่อมสัมพันธ์กับหอบุปผาได้ เจ้าคิดว่าเขาจะตำหนิเจ้าหลังจากที่เราจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยงั้นรึ ? ตอนนี้อย่างเพิ่งกังวลเรื่องไป๋เฉิงเซียง เจ้าควรรีบเกลี้ยกล่อมเด็กน้อย จากนั้นก็พาเขาไปที่หอบุปผาก่อนจะดีกว่า”
“หากเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ…” แววตาของหญิงชราเปล่งแสงอำมหิต “เราก็ต้องใช้กำลัง“
“ใช้กำลัง ?” หยูหรงย่นคิ้วเล็กน้อย “หากแต่เรายังไม่รู้เลยว่า หอบุปผาจะรับเด็กคนนี้หรือไม่ ? ข้าว่าเราวาดภาพเหมือนแล้วส่งไปที่หอบุปผาก่อนจะดีกว่า หากที่นั่นชอบใจ เราก็ค่อยให้คนของหอบุปผามารับตัวเด็กไป“
ด้วยวิธีนี้ พวกนางก็ไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย ไป๋หยานก็ไม่สามารถเอาผิดพวกนางได้ด้วย
ไป๋หยานอาจมีความสามารถพอที่จะไปหอบุปผา เพื่อตามหาบุตรชาย
หากแต่นางจะกล้าพอไหมล่ะ ?
“ด้วยรูปลักษณ์ของเด็กผู้นี้ หอบุปผาจะต้องชอบใจอย่างแน่นอน“
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กผู้นี้ก็ยังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลไป๋ หากนางคิดจะขายเขา พวกนั้นก็ย่อมต้องรับไว้ !
“ท่านแม่” หยูหรงยิ้ม “ข้าบังเอิญพบใครคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ลองเดาสิว่านางเป็นใคร“
จากนั้นหยูหรงก็กล่าวต่อว่า “นางเป็นคนของหอบุปผา แม้ว่าหญิงผู้นั้นจะเป็นแค่แม่เล้าคนหนึ่งของที่นั่น หากแต่ก็เพียงพอที่เราจะใช้เป็นสะพานสร้างสายสัมพันธ์ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ ข้าตั้งใจว่าจะไปหานางก่อน หากนางเห็นด้วยพวกเราก็ค่อยลงมือ“
แท้จริงเหตุที่นางกล้าทำเช่นนี้
ก็เป็นเพราะหอบุปผาจะไม่เปิดเผยตัวตนแท้จริงของลูกค้า นางจึงไม่กังวลว่าไป๋หยานจะรู้เรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ไป๋หยานรู้ความจริง ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของนางเมื่อเทียบกับบ้านสกุลไป๋แล้ว นางจะทำอะไรได้ ?
นัยน์ตาของหยูฮูหยินพลันสว่างไสวขึ้น “เช่นนั้นเจ้าจงรีบไปหานางเถิด ! หากเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อย ข้ามั่นใจว่าไป๋เฉิงเซียงสามีของเจ้าจะต้องขอบคุณเจ้าเป็นแน่ !“
ใช้บุตรชายของไป๋หยาน เพื่อเชื่อมสายสัมพันธ์กับหอบุปผา ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ !
หยูหรงไม่กล่าวคำใดอีก นางรีบปลอมตัวจากนั้นก็ออกไปนอกบ้านทันที
เมื่อไม่นานมานี้ นางเต้นแร้งเต้นกาแก้ผ้าต่อหน้าสาธารณชน เรื่องดังกล่าวกระจายเป็นวงกว้างรู้กันทั่วทั้งเมือง ทำให้ทุกวันนี้เมื่อนางต้องออกนอกบ้าน นางจึงจำต้องปกปิดหน้าตา เพราะเกรงว่าผู้คนจะจำนางได้
*****
ด้านฝั่งตะวันตกของเมืองหลิวฮั่วนี้ เป็นย่านบันเทิงเริงรมย์ สาวงามแก้มแดงหลายต่อหลายคนกำลังโบกผ้าเช็ดหน้าเรียกแขก
และที่ถนนฝั่งตะวันตกนี้ มีสถานที่สำคัญไม่เหมือนกับที่อื่น ๆ นั่นก็คือหอบุปผา
โดยปกติหอคณิกาต่าง ๆ มักจะรับแต่แขกที่เป็นชายหนุ่ม มีเพียงหอบุปผาเท่านั้นที่ให้บริการทั้งชายและหญิง
ถึงกระนั้น เมื่อเทียบกับบุรุษแล้ว สตรีของอาณาจักรนี้ก็ทระนงและรักในเกียรติของตนมากกว่า โดยปกติแล้วจึงมักไม่มีสตรีเข้ามาในพื้นที่นี้
เช่นนั้นเมื่อได้เห็นหยูหรงเดินเข้ามา ในห้องรับรองแขก ทุกคนที่นี่จึงประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“เอ่อ ฮูหยิน ท่านมาที่นี่เพื่อหาความสำราญใช่หรือไม่ ?” สาวงามนางหนึ่งเดินส่ายสะโพกโยกไหวไปมาราวผีเสื้อ นางโปรยยิ้มงดงามราวกับดอกไม้ทักทายหยูหรง “หอบุปผาของเรามีทุกสิ่งให้เลือกสรร ที่พิเศษไปกว่านั้น ไม่กี่วันที่ผ่านมามีเด็กสาวผู้หนึ่งเพิ่งมาถึง ทุกคนที่เคยลองใช้บริการ ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่านางให้บริการได้อย่างยอดเยี่ยม ข้าขอทราบความสนใจของท่าน ไม่ทราบว่าท่านนิยมชายหรือหญิง ? หรือท่านต้องการลองทั้งสองแบบในเวลาเดียวกัน ? “
หยูหรงขมวดคิ้ว ความรังเกียจขยะแขยงแสดงออกผ่านแววตาของนาง นางลดเสียงลงขณะกล่าวว่า “มาม่าฉู่ นี่ข้าเอง ข้ามาขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
มาม่าฉู่มองสตรีที่คลุมหน้าคลุมตาเบื้องหน้าอย่างประหลาดใจ “เป็นท่านเองหรือ ?”
“เราเข้าไปสนทนากันข้างในจะดีหรือไม่ ?”
เสียงของหยูหรงเบามาก นางกวาดตามองโดยรอบอย่างระมัดระวัง
นัยน์ตาของมาม่าฉู่เปล่งประกาย นางยิ้ม รอยยิ้มของนางเปี่ยมเสน่ห์ “ได้สิ ตามข้ามา”
ครั้นได้ยินเช่นนั้น หยูหรงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นี่อาจจะเป็นโอกาสของนางที่จะได้เสนอหน้าใกล้ชิดผู้อาวุโสที่ดูแลหอบุปผา
***จบบท มาม่าฉู่***