ภายในห้องส่วนตัว มีกลิ่นหอมโชยออกมาปะทะจมูก
ทว่าหยูหรงกลับรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อได้กลิ่นนี้ นางรีบกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “ข้ามีเด็กคนหนึ่งในกำมือ เขาดูดีมาก มากกว่าเทวดาน้อย ๆ บนสวรรค์เสียอีก ข้าอยากจะขายเขาให้แก่หอบุปผาของเจ้า“
มาม่าฉู่เลิกคิ้วเล็กน้อย
ตระกูลไป๋มีหลานชายเพียงคนเดียว อีกทั้งยังเป็นพระนัดดาองค์โตของฮ่องเต้มิใช่หรือ ? นี่นางกล้าขายองค์ชายเชียวหรือ ?
“ฮูหยินไป๋…เท่าที่ข้ารู้มา หลานชายเพียงคนเดียวของท่าน ก็คือองค์ชายซึ่งเป็นพระโอรสขององค์รัชทายาท…หนานกงอี้ นี่ท่านคิดจะขายหลานชายของท่านให้หอบุปผาของเราจริงกระนั้นหรือ ?”
“ไม่ใช่” หยูหรงรีบส่ายศีรษะปฏิเสธ “ข้ายังมีหลานชายอีกคน เขาเป็นบุตรชายของไป๋หยาน ทั้งข้ายังมีภาพของเขาด้วย ท่านลองชมดู”
หลังจากกล่าวจบนางก็รีบนำม้วนภาพวาดออกมาทันที นางคลี่ม้วนภาพวาดจากนั้นก็วางลงตรงหน้ามาม่าฉู่
ครั้นเห็นภาพวาดที่วางเบื้องหน้าของนางแล้ว มาม่าฉู่ก็ยิ้ม ทว่านัยน์ตาของนางกลับส่องประกายเย็นชา
“ฮูหยินไป๋ ข้าได้ยินมาว่ามารดาของไป๋หยานก็คือหลานเยี่ย หากเป็นเช่นนั้นท่านก็ไม่นับว่าเป็นยายของเด็กคนนี้ ท่านมีสิทธิ์ตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของเด็กคนนี้กระนั้นหรือ ?”
หยูหรงนี่ช่างกล้าจริง ๆ ! นางกล้าขาย กระทั่งบุตรชายของนายหญิงเชียวหรือ ?
แล้วขายใครไม่ขาย ? นางยังมาขายให้กับหอบุปผาอีก ?
“มาม่าฉู่ เจ้ายังไม่รู้อะไร ?” หยูหรงยิ้มอย่างมั่นใจ “มารดาของไป๋หยานเสียชีวิตตั้งแต่ยังสาว จากนั้นข้าก็ทำหน้าที่แทนมารดาของนาง มาตอนนี้ข้าเพียงต้องการขายหลานชายของข้าเท่านั้น นับเป็นเรื่องปกติ ท่านก็เห็นรูปลักษณ์ของเด็กคนนั้นแล้ว เด็กน่ารักแบบนี้ตลอดหมื่นลี้หาได้เพียงหนึ่งเท่านั้น และหากท่านยังไม่พอใจ ท่านจะเอาไป๋หยานไปด้วยก็ได้ ทว่าข้ามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว !
ข้าอยากพบท่านเจ้าหอบุปผา ! หรือไม่ก็พบผู้คุ้มกฏอาวุโสของหอบุปผาก็ได้ !
“ฮูหยินไป๋ หอบุปผาของเรามีกฏข้อนึง หากผู้ใดต้องการขายตัวจะต้องเข้ามาด้วยตนเอง อีกทั้งต้องยอมรับเงื่อนไขของเราด้วย หาไม่แล้วเราก็ไม่อาจยอมรับคนผู้นั้น” มาม่าฉู่ลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า “เช่นนั้นท่านควรกลับไปได้แล้ว ข้ามิอาจฝ่าฝืนกฎเพื่อท่านได้“
“มาม่าฉู่ !”
หยูหรงลุกขึ้นจากที่นั่งทันที ท่าทางของนางกระวนกระวาย “เด็กคนนี้ดื้อรั้นมาก จะมีก็เพียงหอบุปผาของท่านเท่านั้นที่สามารถจัดการเขาได้ ….”
“เด็ก ๆ ส่งแขก !“
หลังจากหยูหรงกล่าวจบประโยค มาม่าฉู่ก็ไม่สนใจหยูหรงอีก นางเดินออกจากหอบุปผาทันที
ครั้นออกมาพ้นหอบุปผาแล้ว มาม่าฉู่ก็เหลียวมองด้านหลัง เมื่อไม่เห็นว่ามีผู้ใดติดตาม นางก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปที่คฤหาสน์โบราณ
โชคดีของมาม่าฉู่ ทันทีที่นางเดินไปถึงคฤหาสน์โบราณ นางก็เกือบจะชนเข้ากับฮัวหลัวผู้ซึ่งกำลังเดินออกจากประตูพอดี เมื่อประคองตัวยืนได้มั่นคงแล้ว นางก็ป้องมือแสดงความเคารพ “คารวะ ท่านหัวหน้า”
ครั้นเห็นมาม่าฉู่เดินเข้ามาขวางทางอย่างเร่งรีบ คิ้วของฮัวหลัวก็ขมวดเป็นปม “เจ้ามาหาข้างั้นหรือ ?”
“ท่านหัวหน้า เมื่อครู่หยูหรงมาพบข้า นางนำภาพวาดของนายน้อยมาด้วย“
ชั่วอึดใจนั้นเองใบหน้าของฮัวหลัวก็เย็นชาลงทันที “แล้ว”
“นางขอพบท่าน อีกทั้งจะขายนายน้อยให้กับหอบุปผาของเรา”
“ขายไป๋เสี่ยวเฉินให้หอบุปผาเนี่ยนะ ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮัวหลัวก็หัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะของนางเต็มไปด้วยอาการเยาะหยัน จากนั้นริมฝีปากของนางก็ยกโค้งขึ้น ปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยัน
“ด้วยความเฉลียวฉลาดของนายน้อย บ้านสกุลไป๋ไม่อาจเท่าทันความคิดของนายน้อยหรอก ! เจ้าพยายามใกล้ชิดหยูหรงเข้าไว้ ! หากมีสิ่งใดคืบหน้าก็ให้รีบรายงานข้าทันที !”
มาม่าฉู่นิ่งอึ้ง นางเริ่มบ่น “หัวหน้า เมื่อไหร่ภารกิจนี้ของข้าจะสิ้นสุดเสียที หากข้าต้องติดต่อกับหญิงที่น่ารังเกียจผู้นั้นทุกวัน ไม่ช้าก็เร็วข้าคงต้องเป็นบ้าตาย !
นับแต่วันที่นางพยายามใกล้ชิดหยูหรง หญิงน่าขยะแขยงผู้นั้นก็แสดงเจตนาชัดแจ้งว่าจะใช้นางเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสกุลไป๋กับหอบุปผา กระทั่งมาม่าฉู่พยายามหาข้อแก้ตัว นางอ้างว่า ฐานะของนางนั้นต่ำต้อยเกินไป ต่ำเกินกว่าที่จะได้รับความไว้วางใจให้พบท่านเจ้าหอบุปผา หากแต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเซ้าซี้ของหญิงผู้นั้นได้….
***จบบท ข้าเป็นยายของเขา***