“ไว้นายหญิงทำลายตระกูลไป๋ราบคาบแล้ว เจ้าก็สามารถพักผ่อนได้“
ทำลายตระกูลไป๋งั้นหรือ ?
มาม่าฉู่ขมวดคิ้ว อีกเมื่อไหร่กันล่ะ ?
มาม่าฉู่รู้นิสัยฮัวหลัวดี เมื่อฮัวหลัวลั่นวาจาไปแล้ว ย่อมเป็นการยากที่จะทำให้นางเปลี่ยนใจ เช่นนั้นมาม่าฉู่ก็จำต้องเข้าหาสตรีที่น่ารังเกียจนั่นต่อไป
“หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ต้องขอตัว…”
*****
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง หลังจากหยูหรงได้เข้าพบมาม่าฉู่แล้ว นางก็กลับบ้านสกุลไป๋ด้วยความกังวลใจ
นางกัดริมฝีปาก นัยน์ตาเปล่งประกายอำมหิต นางรีบเดินไปที่ลานบ้านตะวันออก
ภายในห้อง…
ขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังหยอกล้อเสี่ยวมี่ ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดัง ๆ ภายนอกประตูห้อง
“นางมาแล้ว เสี่ยวมี่… ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของไป๋เสี่ยวเฉิน ประตูก็ถูกผลักเปิดออก จากนั้นหยูหรงก็เดินเข้ามา อาภรณ์ที่นางสวมใส่แลดูหรูหรางดงาม นางฉีกยิ้ม “เจ้าคือเฉินเอ๋อใช่หรือไม่ ? ข้าเป็นยายของเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ ?”
“จริงเหรอ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินลุกขึ้นจากพื้น นัยน์ตากลมโตไร้เดียงสาของเขาเปล่งประกายเจ้าเล่ห์ “เฉินเอ๋อยังมียายอีกคนงั้นเหรอ ?”
ครั้นเห็นทีท่าไร้เดียงสาของเจ้าซาลาเปาน้อย หยูหรงก็มองด้วยสายตาหยามเหยียด
ก็แค่เด็กธรรมดา ๆ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดท่านแม่จึงได้โกรธหนักถึงเพียงนั้น ?
“จริงสิ” นางแสร้งหัวเราะเบา ๆ “หลายปีก่อน ตอนที่มารดาของเจ้ายังอยู่ที่นี่ นางเป็นบุตรสาวที่ยายรักมากที่สุด ทว่าเนื่องจากนางอกตัญญู ทั้งยังกระทำเรื่องผิดศีลธรรม ที่ผ่านมายายจึงต้องช้ำใจเพราะนาง”
รอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินกว้างขึ้นแลดูไร้เดียงสามากยิ่งขึ้น “แต่ที่ท่านแม่ของข้าบอกกับข้า ก็คือท่านยายของข้าตายไปนานแล้ว ยามนี้เหลือเพียงนางแม่มดแก่ ๆ อาศัยอยู่ในบ้านสกุลไป๋ ข้าว่าท่านน่าจะเป็นนางแม่มดแก่นั่นแหละมากกว่า ?”
ถึงตอนนี้ รอยยิ้มปั้นแต่งบนใบหน้าของหยูหรงพลันเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ นางโกรธจนอยากตบเจ้าเด็กนรกคนนี้ให้ตายเสียเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม ครั้นนึกถึงจุดประสงค์ที่นางมาที่นี่ได้ หยูหรงก็พยายามข่มความโกรธที่คุกรุ่นในใจ นางกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ “เจ้าคงจะจำผิดแล้ว ที่มารดาของเจ้าบอกเจ้า คือข้าเป็นยายของเจ้า ส่วนคนที่ตายไปนั่นต่างหากคือแม่มดที่ชอบล่อลวงผู้ชาย !”
แม้ว่าหลานเยี่ยจะตายไปหลายปีแล้ว ทว่าความเกลียดชังที่หยูหรงมีต่อหลานเยี่ยก็ยังคงเต็มเปี่ยมเฉกเช่นเดิม เพราะหากไม่มีหลานเยี่ยนางก็คงไม่ต้องเป็นอนุมาตั้งนานหลายปีหรอก
“แล้วท่านมาที่นี่ เอาขนมถั่วเคลือบน้ำตาลมาให้เฉินเอ๋อกินบ้างมั้ย ?” ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าขึ้นมองด้วยนัยน์ตาฉ่ำวาว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลระรื่นหู
ก็แค่เด็กคนหนึ่ง !
หยูหรงยิ้มหยัน จากนั้นนางก็หยิบขนมถั่วเคลือบน้ำตาลออกมาจากกระเป๋าของนางเต็มกำมือ
“เฉินเอ๋อ… ขนมถั่วเคลือบน้ำตาลพวกนี้เป็นขนมขบเคี้ยวที่พี่น้องของเจ้าต่างก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก…”
ก่อนที่นางจะทันกล่าวจบ ไป๋เสี่ยวเฉินก็คว้าขนมถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดหนึ่งเข้าปาก แทบจะทันทีทันใดเด็กน้อยก็ถ่มถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดนั้นออกมา เขาไม่แม้แต่จะเคี้ยวสักคำ
“ข้าไม่เคยกินขนมถั่วเคลือบน้ำตาลที่รสชาติห่วยแบบนี้มาก่อนเลย ท่านกล้าเอาขนมห่วย ๆ เช่นนี้มาให้ข้า ! ท่านแม่ของข้าพูดถูกต้องแล้ว ท่านนี่แหละนางแม่มดแก่ !”
ใบหน้าของหยูหรงเปลี่ยนสีประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวขาว นางกัดริมฝีปากอย่างดุดัน ! “สมกับที่เป็นบุตรชายของไป๋หยาน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านแม่ของข้าจะโกรธเจ้าแทบตาย ข้าจะส่งเจ้าไปที่หอบุปผาจากนั้นคนของหอบุปผาก็จะสั่งสอนเจ้าเอง !
เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็จะได้ลิ้มรสชาติตายเสียดีกว่าอยู่ !
ครั้นหยูหรงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ไป๋เสี่ยวเฉินก็ขี้เกียจเสแสร้ง “นี่เจ้าต้องการขายข้าให้กับหอบุปผางั้นรึ ? เจ้าเอาอะไรมาคิด ?”
เสี่ยวมี่เลียอุ้งเท้า ขณะพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเขาก็สงสัยเช่นกันว่าหญิงผู้นี้เอาอะไรมาคิด ? จะขายนายน้อยให้หอบุปผาเนี่ยนะ ?
ขายนายน้อยของเขาให้กับหอบุปผา สมองของนางต้องผิดปกติไปแล้วแน่ ๆ !
***จบบท วางเพลิง (1)***