นัยน์ตาที่ตื่นตะลึงแต่แรกของหยูหรงแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว “เจ้าวางแผนจะทำอะไร” ยามนี้เสียงของนางแหลมผิดปกติ
“ข้าเพียงพยายามขู่ให้เจ้ากลัวก็เท่านั้น ไม่คิดว่าเจ้าจะกลัวจริง ๆ จัง ๆ เพราะยังไงเสียบ้านสกุลไป๋ก็ต้องตกสู่มือของท่านน้า เช่นนั้นแน่นอนว่าข้าย่อมไม่เผาทรัพย์สินของท่านน้า“
ท่านน้าเคยบอกว่าเหตุที่เขาไม่ยอมไปจากที่นี่ ก็เพียงเพราะเขาไม่ต้องการให้ทรัพย์สมบัติของท่านยายต้องถูกหญิงสารเลวเช่นเจ้ายึดไปหมด
“เจ้า … ” หยูหรงกัดฟัน พร้อมกับคำราม “เจ้ากล้าขู่ข้างั้นหรือ ?”
“แต่ถ้าเจ้ายังขืนไม่ออกจากห้องนี้ ก็อย่าโทษข้า หากข้าจะเผาบ้านหลังนี้“
แม้น้ำเสียงของไป๋เสี่ยวเฉินจะยังอ่อนเยาว์ ทว่ากลับฟังดูคุกคาม ไม่อ่อนโยนเฉกเช่นครั้งก่อน น้ำเสียงของเขายามนี้ฟังคล้ายข่มขู่อีกทั้งแข็งกร้าว
“เจ้าคิดว่า เจ้าเข้ามาถึงบ้านสกุลไป๋แล้วจะกลับออกไปได้งั้นรึ ?” หยูหรงฉีกยิ้ม ยิ้มของนางแลดูดุร้าย “รอให้ท่านตาของเจ้ากลับมาก่อนเถอะ ข้าจะให้เขาสอนบทเรียนให้แก่เจ้า !“
กล่าวจบหยูหรงก็ทำน้ำเสียงฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ แล้วนางก็เดินนำพวกยามออกจากห้อง พร้อมกับปิดประตูดัง “ปัง”
หลังออกจากห้อง หยูหรงก็หันกลับมาที่เหล่ายาม สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “พวกเจ้าทุกคนมันขยะชัด ๆ เด็กเพียงคนเดียวก็ยังทำอะไรไม่ได้ !“
“นายหญิง…” ยามคนหนึ่งเอ่ยคำเสียงอ่อน “แมวที่อยู่ข้าง ๆ เด็กคนนั้น…ข้าคิดว่ามันน่าที่จะเป็นสัตว์อสูร เราไม่สามารถขยับตัวได้เลย มันต้องทำอะไรพวกเราเป็นแน่”
สัตว์อสูร !
สองคำนี้ ทำให้แววตาของหยูหรงหม่นลง นางกล่าวน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูร ทว่าสัตว์อสูรก็มีความแข็งแกร่งแตกต่างกัน มันเป็นเพียงลูกแมว จะมีความสามารถอะไรนักหนา ? เฉิงเซียงกลับมาเมื่อใด ข้าจะให้เขาสอนบทเรียนเจ้าสัตว์เดรัจฉานนั่น !”
ยิ่งคิดถึงถ้อยคำของไป๋เสี่ยวเฉิน ใบหน้าของนางก็ยิ่งแลดูบิดเบี้ยวมากยิ่งขึ้น
*****
จันทร์กระจ่างกลางนภา
หยูหรงยังคงรอไป๋เฉิงเซียงกลับมาอย่างใจจดใจจ่อ ทว่าไป๋เฉิงเซียงมัวแต่วุ่นวายเรื่องที่ไป๋จื่อถูกคุมขังอยู่ในคุก เขาจึงยังไม่อาจกลับมา
จู่ ๆ ในลานบ้าน ประกายไฟพลันแผ่กระจายลุกลามไปทั่ว ท้องฟ้าเหนือบ้านสกุลไป๋สว่างไสวโชติช่วง
“เกิดอะไรขึ้น ?”
หยูหรงผุดลุกขึ้นทันที สีหน้าของนางแลดูไม่ค่อยดีนัก
“นายหญิง”
ทันใดนั้นเอง ยามก็ผลุนผลันเข้ามาในห้อง เขารีบคุกเข่าลงเมื่อต้องเผชิญกับความรู้สึกถูกกดขี่ภายใต้สายตาของหยูหรง
“ดูเหมือนว่าจะมีเพลิงลุกไหม้บริเวณห้องที่ติดกับห้องของนายน้อยขอรับ“
ห้องติดกับห้องพักของไป๋เซียว
นั่นมันห้องที่ไป๋เสี่ยวเฉินพักอยู่มิใช่รึ ?
แววตาของหยูหรงเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น นางตวาดว่า “เจ้ามัวรออะไรอยู่อีก ? รีบไปดับไฟสิ !“
แม้ว่านางจะเกลียดไป๋เสี่ยวเฉินมาก แต่หากเด็กนั่นตายในกองเพลิง นางก็จะสูญเสียผลประโยชน์ที่ควรจะได้รับ
“ขอรับ นายหญิง”
พวกยามถอยจากไป เพียงไม่ช้าทั่วทั้งบ้านสกุลไป๋ก็ร้องตะโกนอย่างโกลาหล “ไฟไหม้ ๆๆๆ”
*****
ผู้ที่อยู่ใกล้ไป๋เสี่ยวเฉินมากที่สุด ก็คือไป๋เซียว ทันทีที่เขารู้ว่าไฟมาจากห้องข้าง ๆ เขาก็รีบวิ่งออกไปทันที พร้อมกับพยายามพุ่งเข้าไปในทะเลเพลิง
ครั้นเห็นไป๋เซียวปรากฏตัว บรรดายามของบ้านสกุลไป๋ต่างก็รีบเข้าไปขวางเขาไว้
“นายน้อย ยังไม่ควรเข้าไปข้างใน“
“ออกไป !”
นัยน์ตาของไป๋เซียวเต็มไปด้วยความแค้นเคือง น้ำเสียงของเขาเย็นชา “อย่าให้ข้าต้องพูดเป็นครั้งที่สอง !“
หลานชายผู้เป็นที่รักของเขายังคงอยู่ในห้อง จะให้เขาทนยืนดูอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร ?
หากเฉินเอ๋อได้รับอันตรายในบ้านสกุลไป๋ เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองเลยตลอดชีวิต !
“นายน้อย เพลิงลุกโหมรุนแรงมาก ท่านยังไม่ควรเข้าไปในตอนนี้“
บูม !
ทันทีที่ยามพูดจบ ไป๋เซียวก็ชกอกเขา และด้วยหมัดอันทรงพลังนั้นก็ส่งให้ยามกระเด็นลอยไกล
“หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเฉินเอ๋อหลานชายข้า ข้าจะให้หยูหรงชดใช้ด้วยชีวิต !“
ทันทีที่กล่าวจบประโยค ไป๋เซียวก็ไม่คิดสิ่งใดอีกแล้ว เขาเตรียมกระโจนเข้าสู่ทะเลเพลิง ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงอ่อนเบาดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ร่างของเขาถึงกับแข็งค้าง
***จบบท ปีศาจน้อยนักวางเพลิง***