ไป๋เสี่ยวเฉินยิ่งโอบรัดรอบคอไป๋เซียวแน่นขึ้น เขาร้องไห้ไม่หยุด
บูม !
ฝูงชนต่างตกใจ
แววตาของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง และไม่อยากจะเชื่อ !
บ้านสกุลไป๋จะขายหลานของตัวเองให้หอบุปผาหรือ ? แล้วยังจะเผาเด็กอีก ?
พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า นายหญิงบ้านสกุลไป๋นั้นจะเป็นคนที่ใจคอโหดเหี้ยม กล้าทำเรื่องไร้ศีลธรรมเช่นนี้ได้ !
“เจ้าพูดเรื่องอะไร ?” หยูหรงหน้าเขียว
ข้าอยากขายเขา แต่ข้าไปเผาเขาตั้งแต่เมื่อไร ?
หลังจากได้ยินเสียงคำรามของหยูหรง ร่างของไป๋เสี่ยวเฉินก็สั่นสะท้าน เขารีบซุกตัวเข้าไปในอ้อมอกน้าชายของตน
ไป๋เซียวทุกข์ใจมากขึ้น เขาลูบศีรษะเด็กน้อยเบา ๆ “เฉินเอ๋อ ไม่ต้องกลัว หากน้ายังอยู่ จะไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายเจ้าได้ ไหน บอกน้าซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ท่านน้า ท่านจะไม่ขายเฉินเอ๋อใช่มั้ย ?” ใบหน้าเปื้อน ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินแลดูซีดลงเล็กน้อย เขามองไป๋เซียวด้วยแววตาน่าสงสาร “เฉินเอ๋อจะเป็นเด็กดี อย่าขายเฉินเอ๋อนะ ได้มั้ย ?”
ครั้นมาถึงจุดนี้ ไป๋เซียวก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกฉีกขาดออกจากกัน เขาขมวดคิ้วอย่างปวดร้าว ทว่าน้ำเสียงของเขายังคงอ่อนโยนเช่นเคย
“ไม่ต้องกังวล น้าไม่มีวันขายเจ้าให้ใครทั้งนั้น“
“เช่นนั้นเฉินเอ๋อก็ค่อยโล่งใจหน่อย” ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าว พร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็เริ่มสาธยาย “เมื่อครู่ หญิงชราคนนี้อ้างว่าเป็นท่านยายของเฉินเอ๋อ นางบอกให้เฉินเอ๋อไปอยู่ที่หอบุปผาเสียแต่โดยดี เฉินเอ๋อไม่ยอม เฉินเอ๋อบอกว่า เฉินเอ๋อจะไปตามหาหม่ามี้ แต่นางบอกว่ามีเพียงยายกับตาเท่านั้นที่สามารถตัดสินชะตากรรมของเฉินเอ๋อได้ ต่อให้ตามหาหม่ามี้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
ช่วงเวลานั้น สายตาดูถูกเหยียดหยามทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่หยูหรง
ภายใต้สายตาเหล่านั้น หยูหรงเริ่มตัวสั่น นางชี้นิ้วไปที่ไป๋เสี่ยวเฉินอย่างโกรธเกรี้ยว “ไป๋เสี่ยวเฉิน ! เจ้าใส่ร้ายข้าอีกแล้วนะ ระวังเถอะข้าจะฉีกปากของเจ้า ! “
ร่างของไป๋เสี่ยวเฉินสั่นสะท้านขึ้นอีกครั้ง เขาซุกศีรษะกลับเข้าไปในอ้อมอกน้าของเขาทันที
“ท่านน้า เฉินเอ๋อกลัวจังเลย เมื่อครู่ เฉินเอ๋อไม่ยอมไปหอบุปผา นางก็จ้องหน้าเฉินเอ๋อ แล้วยังขู่ด้วยว่าจะเผาเฉินเอ๋อหากเฉินเอ๋อไม่เชื่อฟัง”
น้ำเสียงของไป๋เสี่ยวเฉินน่าสงสารนัก
“ตอนแรก เฉินเอ๋อคิดว่านางก็แค่ขู่ ใครจะคิดว่าคืนนี้ไฟจะไหม้จริง ๆ หากมิใช่เป็นเพราะเสี่ยวมี่พาเฉินเอ๋อหนีออกมาอย่างรวดเร็วแล้วล่ะก็ ท่านน้าคงไม่ได้เห็นหน้าเฉินเอ๋ออีกแน่”
ในใจของไป๋เซียวนั้นทั้งรู้สึกเสียใจ และรู้สึกผิด เขาเสียใจที่พาไป๋เสี่ยวเฉินมาที่บ้านสกุลไป๋ ทั้งยังรู้สึกผิดที่ปกป้องไป๋เสี่ยวเฉินได้ไม่ดีพอ กระทั่งทำให้ไป๋เสี่ยวเฉินต้องหวาดกลัวถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตาม ไป๋เสี่ยวเฉินก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของไป๋เซียว เขากุมมือน้าชายของตนแน่นขึ้น
เพื่อแก้แค้นแทนหม่ามี้แล้ว เขาต้องไม่ใส่ใจความรู้สึกของท่านน้าชั่วคราว ไว้กลับถึงบ้านก่อนค่อยอธิบายให้ท่านน้าฟัง
“อย่าฟังเรื่องไร้สาระของเขา !” ตอนนี้หยูหรงบ้าคลั่งไปแล้ว นัยน์ตาของนางแดงก่ำแลดูน่าสยดสยอง นางตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า “เขาเป็นบุตรชายของไป๋หยาน เขาถูกนางแพศยานั่นอบรมเลี้ยงดูมา เขาย่อมไม่ใช่เด็กดี ! เขาใส่ร้ายข้า ! “
ครั้นได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ บรรดาผู้คนที่มุงอยู่ต่างก็มีสีหน้าเหยียดหยัน
เด็กอายุห้าขวบเอง ไหนเลยจะสามารถพูดโกหกได้เพียงนี้ !
“ไป๋เสี่ยวเฉิน !”
หยูหรงคำรามอย่างโกรธแค้น “เห็นได้ชัดว่า เจ้าให้แมวประหลาดนั่นกัดข้า แล้วตอนนี้เจ้าก็พูดบิดเบือน ใส่ร้ายว่าข้าพยายามจะทำร้ายเจ้า เจ้าไม่ละอายบ้างเลยหรือ ?
“ฮูหยินไป๋” ไป๋เซียวกล่าวพร้อมรอยยิ้มหยัน “ที่บ้านสกุลไป๋ก็มียามตั้งมากมาย ทั้งท่านก็แข็งแกร่งมิใช่อ่อนด้อย ท่านบอกว่าโดนแมวนี่ข่วนงั้นหรือ ? ท่านคิดว่าคนอื่นจะเชื่อท่านรึไง ? หรือท่านคิดว่าพวกเราโง่ ?”
หยูหรงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลางกล่าวว่า “นั่นไม่ใช่แมวธรรมดา ทว่ามันเป็นสัตว์อสูร !”
***จบบท ไป๋เสี่ยวเฉินจอมวางแผน (2)***