สัตว์อสูร ?
ทุกคนต่างก็หันไปทางแมวน้อยที่นั่งอยู่บนไหล่ของไป๋เซียวอย่างประหลาดใจ
“เมี้ยว” แมวน้อยเลียอุ้งเท้าของมัน ตาสีฟ้าใสของมันราวกับฤดูใบไม้ผลิ
ข้าเป็นแค่แมวธรรมดา ๆ ไม่เข้าใจเรื่องที่เจ้าพูดกันเลยแม้แต่น้อย แผล่บ ๆ
“แมวนั่นดูเหมือนแมวขาวธรรมดา ๆ ไม่เห็นจะเหมือนสัตว์อสูรที่ตรงไหน คำพูดของฮูหยินไป๋ช่างไร้สาระสิ้นดี“
“ข้าเชื่อเด็กนั่น หากเขาโกหก ย่อมแสดงว่าเขาเล่นละครตบตาได้เก่งมาก สมจริงมาก ๆ เด็กอายุเพียงห้าขวบเท่านั้นจะแสดงละครเก่งขนาดนั้นได้อย่างไร ?
ครั้นได้ยินบทสนทนาดังกล่าว ใบหน้าของหยูหรงก็ยิ่งน่าเกลียดหนักขึ้นกว่าเดิม นางกวาดสายตามองฝูงชนอย่างแค้นเคือง ดวงตาของนางเปล่งประกายเย็นยะเยือกแลดูอันตราย
“หากข้าได้ยินผู้ใดให้ร้ายข้าอีกล่ะก็ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจนะ !“
ยามนี้สติของนางขาดผึง ทว่าถ้อยคำดังกล่าวก็มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ฝูงชนเงียบเสียงลงได้
หยูหรงส่งเสียงฮึดฮัดอย่างดูถูก ตราบใดที่นางไม่ยอมรับ คนพวกนี้จะทำอะไรนางได้ ?
“โอ้ ? ฮูหยินไป๋ ดูเหมือนท่านจะมีเรื่องยุ่ง ๆ นะ”
น้ำเสียงที่มีเสน่ห์ดังมา ทำให้ใบหน้าหยูหรงเปลี่ยนเป็นแข็งค้างขึ้นทันที
ครั้นมองไปที่สตรีผู้กำลังเดินเข้ามา หยูหรงก็มีทีท่าไม่สบายใจ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ?”
มาม่าฉู่แห่งหอบุปผา ทุกคนในเมืองหลวงแห่งนี้ต่างก็รู้จักนางดี ด้วยนางมีหอบุปผาให้การหนุนหลัง จึงไม่มีผู้ใดในเมืองนี้กล้ายั่วยุ หรือแตะต้องนาง
ครั้นเห็นว่ามาม่าฉู่ และหยูหรงต่างก็รู้จักกัน ผู้คนก็เริ่มสงสัยว่าหยูหรงมีความสัมพันธ์สนิทสนมกับมาม่าฉู่ได้อย่างไร ?
“ข้าเพิ่งจะบอกหัวหน้าของข้าเกี่ยวกับข้อเสนอของท่าน พวกเขาให้ความสนใจกันมาก แล้วนี่หลานชายที่ท่านพูดถึงอยู่ที่ใดล่ะ ข้าจำได้ว่า ท่านเรียกเขาว่า ไป๋เสี่ยวเฉินใช่หรือไม่ ?” มาม่าฉู่ยิ้มหวานราวกับดอกไม้บาน นางไม่มองสายตาของผู้คนรอบข้างแม้แต่น้อย
สีหน้าของหยูหรงเปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที นางพยายามที่จะกอบกู้สถานการณ์ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องใด !“
เพียงพริบตา ใบหน้าของมาม่าฉู่ก็มืดมนลง
“อะไรกัน ? นี่ท่านคิดจะกลับคำกระนั้นรึ ? ผู้ใดกันที่มาหาข้าที่หอบุปผาวันนี้ ทั้งยังบอกด้วยว่าต้องการจะขายหลานชายของตัวเอง ? ครั้นข้าพยายามใช้ภาพวาดที่ท่านมอบไว้ นำเสนอท่านหัวหน้ากระทั่งท่านหัวหน้าให้ความสนใจ ท่านก็มากลับคำกระนั้นรึ ? “
ฮือฮา !
ฝูงชนต่างซุบซิบเซ็งแซ่ !
หากไป๋เสี่ยวเฉินใส่ร้ายนาง เช่นนั้นมาม่าฉู่แห่งหอบุปผานี่เล่า ?
นางจะใส่ร้ายผู้อื่นด้วยเหตุใด ? เพื่ออะไร ?
ริมฝีปากของหยูหรงสั่นระริก เหตุใดจู่ ๆ มาม่าฉู่ถึงได้โผล่มาตอนนี้ ? นางรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นแผนการที่ถูกวางไว้
“หยูหรง !” ไป๋เซียวกำหมัดแน่น นัยน์ตาของเขาแดงก่ำไปด้วยเส้นเลือด ขณะกล่าวว่า “เจ้าเป็นยายที่ไหนกัน ? มารดาของข้าตายไปนานแล้ว เจ้ามันก็แค่นางงูพิษ ! เฉินเอ๋อ หลานชายของข้าเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ ทว่าเจ้ายังคิดจะขายเขาให้กับหอบุปผาเช่นนั้นหรือ ? “
บูม !
หยูหรงรู้สึกราวกับศีรษะของนางระเบิด นางเดินโซซัดโซเซไปมา ในตอนนี้นางรู้เพียงว่าภาพลักษณ์ที่นางเพียรสร้างตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาพังทลายกลายเป็นซากปรักหักพังสิ้นแล้ว
“หลีกหน่อย หลีกหน่อย !“
ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ดังขึ้น จากนั้นยามหลายคนก็ช่วยกันฝูงชนที่อยู่โดยรอบ เพื่อเปิดทางให้หญิงชราคนหนึ่งเดินออกมายืนต่อหน้าฝูงชน
“ข้าเฉียนฟาง แม่บ้านจากตระกูลเฉียน ข้ามาที่นี่เพื่อรับยาเม็ดจิตวิญญาณจากหยูหรง” เฉียนฟางเดินไปยืนเชิดหน้าอยู่ด้านหน้า “ฮูหยินไป๋ ข้าได้ยินมาว่าไป๋หยานกลับมาแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่แจ้งให้ข้าทราบ รู้หรือไม่ว่านายผู้เฒ่าของข้ายังคงรอรับไป๋หยานเป็นอนุอยู่ อย่าลืมสิว่าเมื่อหกปีก่อน พี่ชายของเจ้าเอายาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามของเราไป เจ้ามาที่บ้านเฉียนของเราแล้วบอกว่าจะขายไป๋หยานให้กับนายผู้เฒ่า ! ทว่าไป๋หยานหนีไปเสียก่อน แล้วเจ้าก็ยังไม่ได้คืนของหมั้นให้เราเลย !“
***จบบท ชื่อเสียงพังพินาศ (1)***