“เมื่อฮองเฮาหายตัวไป คนในราชสำนักก็ต้องรับผิดชอบออกตามหานาง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราสักหน่อย” ไป๋หยานลุกจากเตียงอย่างเกียจคร้าน “เซียวเอ๋อ ไปหาเฉินเอ๋อ บอกให้เขาเตรียมตัว ข้าจะพาเขาไปที่บ้านท่านตาท่านยาย“
เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ย่อมเป็นธรรมดาที่คนตระกูลหลานจะรู้เรื่องนางมีบุตรชาย เช่นนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายมาก
“พี่ใหญ่ ในที่สุดพี่ก็ยอมให้เฉินเอ๋อได้พบพวกท่านแล้วกระนั้นหรือ ?” ยามนี้ไป๋เซียวแลดูตื่นเต้นมาก เรื่องนี้ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งกว่าเรื่องการหายตัวไปของฮองเฮาเสียอีก
ไป๋หยานพยักหน้าน้อย ๆ
“เช่นนั้น ข้าจะไปบอกข่าวดีนี้กับเฉินเอ๋อเอง”
ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไป๋เสี่ยวเฉิน ก็คือการได้รับการยอมรับจากคนในตระกูล หากเขารู้ว่า เขาจะได้ไปเยี่ยมบ้านสกุลหลาน เขาจะต้องตื่นเต้นมาก !
เช่นนั้น ทันทีที่กล่าวจบประโยค ไป๋เซียวก็วิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ไป๋หยานยืนมองตามหลังอย่างงุนงง
*****
ขณะเดียวกันนั้นเอง ภายในอาณาบริเวณของบ้านสกุลหวัง ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังถือคากิย่าง ปากของเด็กน้อยเต็มไปด้วยร่องรอยน้ำมันหมู
“เป็นไงบ้าง ? หม่ามี้ของข้าทำอาหารเยี่ยมเลยใช่มั้ย นี่ข้าแย่งมาจากเสี่ยวมี่เลยเชียวนะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เขาแสดงให้เพื่อน ๆ เห็นถึงความเก่งกาจของมารดาตนเอง
“เสี่ยวเฉิน ไหนเจ้าบอกว่าเจ้ากำลังจะจากไปไงล่ะ ?” หวังเสี่ยวผางยัดเนื้อก้อนใหญ่ใส่ปากของตน
ไป๋เสี่ยวเฉินเบ้ปาก “อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีก คราก่อนที่ข้ากลับออกไปจากที่นี่ ข้าดันพบกับจอมวายร้ายนั่นเข้าให้ และโชคร้ายที่ข้าหลบไม่ทัน”
เด็กน้อยกระพริบตา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย “แต่ข้าจะบอกความลับบางอย่างแก่เจ้า ข้าไปแก้แค้นหญิงชั่วที่รังแกท่านแม่ของข้ามาแล้วด้วย“
“หมายความว่า เจ้าไม่ต้องไปจากที่นี่แล้วใช่มั้ย ? เยี่ยมไปเลย !” หวังเสี่ยวผางกัดคากิอีกขา ท่าทางของเขาแลดูตื่นเต้น “บอกตามตรง ข้าไม่อยากแยกจากเจ้าเลย“
ไม่อยากแยกจากข้างั้นเหรอ ?
วันนั้นใครกันที่ไม่สนใจข้า สนใจแต่ขนมถั่วเคลือบ ?
ครั้นหวนคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ในแววตาของไป๋เสี่ยวเฉินก็ยังปรากฏร่องรอยความเศร้า
“เฉินเอ๋อ…”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเรียกจากด้านนอก
“ท่านน้าเรียกข้าแล้ว” ไป๋เสี่ยวเฉินกระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาเช็ดมือที่สกปรก ก่อนจะหันกลับไปหาสองพี่น้องตระกูลหวังเพื่อนของเขา “เสี่ยวผาง เสี่ยวถง ข้ามีความสุขมากที่ได้พบพวกเจ้าทั้งสอง พวกเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชั่วชีวิต”
ตอนนี้เขาไม่ต้องถูกส่งกลับเกาะศักดิ์สิทธิ์แล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ต้องจากเพื่อนใหม่ทั้งคู่
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อนเลย
หวังเสี่ยวผางกระพริบตา เขามองตามหลังไป๋เสี่ยวเฉิน ในใจก็รู้สึกมีความสุขกับเพื่อนของเขาไปด้วย
ภายหลังออกจากบ้านสกุลหวังมาแล้ว ไป๋เสี่ยวเฉินก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ข้างถนน เขารีบวิ่งปรู๊ดเข้าไปหา จากนั้นก็กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของน้าชาย เขาเงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตาน่ารักน่าเอ็นดูเปล่งประกายสว่างไสว “ท่านน้า เมื่อก่อนเฉินเอ๋อมีแค่หม่ามี้กับอาจารย์ตาทั้งสามเท่านั้น อ้อ ! ยังมีพ่อบุญธรรมกับพี่สาวฉู่ด้วย แต่ตอนนี้เฉินเอ๋อมีญาติเยอะแยะเลย แล้วก็ยังมีเพื่อนอีกด้วย เฉินเอ๋อมีความสุขมากจริง ๆ !”
เสี่ยวมี่ที่น่าสงสาร เด็กน้อยเอ่ยถึงทุกคนยกเว้นเสี่ยวมี่ …
“เฉินเอ๋อ…” ไป๋เซียวรู้สึกปวดใจ เขาลูบศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินอย่างอ่อนโยน “จากนี้ไปจำนวนคนรอบ ๆ กายเจ้าก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ”
“จริงเหรอ” นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินเปล่งประกายสว่างไสวยิ่งกว่าดวงดาวในยามราตรี “แต่ถึงยังไง คนที่สำคัญที่สุดในหัวใจของเฉินเอ๋อ ก็คือหม่ามี้“
ไม่มีใครเทียบหม่ามี้ได้
ไป๋เซียวหัวเราะ เด็กคนนี้รักมารดาของเขาเป็นชีวิตจิตใจเลยทีเดียว ฮึฮึฮึ !
***จบบท รักแท้ (1)***