ครั้นได้ยิน ไทเฮาก็ทรงพระสรวลอย่างมีความสุข “ในที่สุด เจ้าก็มาแล้ว ให้นางเข้ามา จากนี้ไปหากแม่นางไปมา ก็ให้นางเข้ามาเลย ไม่ต้องแจ้งให้ข้าทราบ”
“ พ่ะย่ะค่ะ ไทเฮา”
ขันทีรับคําสั่งก่อนจะถอยหลังกลับไป
เพียงครู่ หญิงสาวสวยในอาภรณ์สีแดงก็เดินเข้ามาในพระตําหนัก นางจูงมือเด็กน้อยอายุราว 5 ขวบมาด้วย
เด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูราวกับตุ๊กตาเคลือบ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา นัยน์ตากลมโตแลดูเหมือนเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ตลอดเวลา เขาเริ่มมองสิ่งรอบตัวด้วยความรู้สึกแปลกใหม่
ไทเฮามีพระดําริว่าเจ้าซาลาเปาน้อยคงจะตื่นเต้นกับความยิ่งใหญ่อลังการของวังหลวง ด้วยเพราะคงไม่เคยเข้าวังมาก่อน ทว่าสําหรับไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว เขาเพียงสงสัยว่าเหตุใดวังหลวงนี้ถึงไม่งดงามเท่าเกาะศักดิ์สิทธิ์ ?
” หยานเอ๋อ เจ้ามาแล้ว” ไทเฮาตรัสพร้อมแย้มสรวล “ข้าต้องขอบใจเจ้า ข้าได้ให้หมอปรุงยาเข้ามาตรวจสุขภาพแล้ว จึงพบว่าข้าป่วยจริง ๆ เช่นนั้นข้าจึงอยากพบเจ้าเพื่อขอบใจเจ้า”
ไทเฮาไม่ต้องการให้ผู้อื่นรู้ว่านางถูกวางยาพิษ ด้วยเหตุนี้นางจึงใช้คําว่า “ป่วย” แทน ส่วนไป๋หยานก็ไม่อยากเปิดเผยตัว นางยิ้มพลางกล่าวว่า “ไทเฮามีรับสั่งเรียกหาหม่อมฉันก็ด้วยเหตุนี้หรือเพคะ ?”
“ไม่ใช่” ไทเฮาส่ายพระเศียร “ครั้งก่อน เจ้ารีบเร่งจากไป ข้าเลยยังไม่ทันได้สนทนากับเจ้ามากนัก นี่เป็นเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาอีกในวันนี้ ว่าแต่เด็กผู้นี้คือบุตรชายของเจ้าใช่หรือไม่ ?”
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินได้ยิน เขาก็ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงน่าเอ็นดูทันที “เสด็จยายทวดไทเฮา”
“ฮ่าฮ่า เด็กดี” ไทเฮาสรวลด้วยความเอ็นดู กับความสุภาพอีกทั้งฉลาดเฉลียวของเด็กน้อย นางเอ็นดูเขาจากก้นบึงของหัวใจนางอย่างแท้จริง “นี่เป็นครั้งแรกที่เราพบกัน ยายทวดไม่มีของรับขวัญเจ้า มีเพียงสร้อยข้อมือทองคํานี้มอบให้เจ้าก็แล้วกันนะ”
หลังตรัสจบ ไทเฮาก็ถอดสร้อยข้อมือทองคําออกจากข้อพระกรของนาง ทันทีที่นางข้าหลวงเฒ่าผู้ซึ่งอยู่ข้างไทเฮาเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ กระทั่งคิดจะห้ามปราม ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มน่ารักของเด็กน้อย นางก็ได้แต่ถอนใจกล่าวคําใดไม่ออก
นานเท่าใดแล้ว ?
นานเท่าใดแล้วที่ไทเฮาไม่เคยมีความสุขเช่นนี้ ? นับตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคต พระนางก็ขังองค์เองอยู่ภายในพระตําหนักแห่งนี้ มีเพียงหลานเยี่ยมารดาของไป๋หยานเท่านั้นที่สามารถเข้าเฝ้าได้
ครั้นหลายเยี่ยตายจากไป ไทเฮาก็ไม่เคยแย้มสรวลอีกเลย
“เด็กดี เจ้าสัญญากับยายทวดนะว่าจะเก็บรักษาสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้ดี ๆ อย่าทําหายล่ะ” ไทเฮาตรัส
ไป๋เสี่ยวเฉินรับสร้อยข้อมือ พลันใบหน้าที่น่ารักของเขาก็เผยรอยยิ้มไร้เดียงสา
“ขอบพระทัย เสด็จยายทวด”
“ให้เสี่ยวเหม่ยพาเจ้าออกไปเล่นข้างนอกเถอะ เจ้าจะได้ไม่เบื่อ”
เสี่ยวเหม่ยเป็นหญิงชราที่คอยรับใช้ดูแลข้างกายไทเฮา ฐานะของนางในวังนั้นสูงส่งกว่าผู้อื่น หากมีนางอยู่ข้างกายเด็กน้อยย่อมจะปลอดภัย ไม่มีผู้ใดกล้าทําอันตรายเขาเป็นแน่ไทเฮาคิด
“เสด็จยายทวดไทเฮา พี่สาวคนสวยเหล่านี้ต่างก็เหน็ดเหนื่อยมากแล้ว เช่นนั้นเฉินเอ๋อจึงไม่อยากรบกวนพวกนาง” ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าเชื่อถือ “เฉินเอ๋อ รู้ว่าพระองค์เป็นห่วงเฉินเอ๋อ แต่เฉินเอ๋อเป็นเด็กดี และเชื่อฟังเสมอ ไม่เคยสร้างปัญหาใด ๆ”
“แต่..” ไทเฮาทอดพระเนตรไป๋หยาน เหมือนอยากจะมีรับสั่งบางอย่างมากกว่านี้ ทว่าไป๋หยานเอ่ยขัดเสียก่อน
“ไทเฮา ไม่ต้องทรงเป็นกังวล เฉินเอ๋อดูแลตัวเองได้เพคะ”
เฉินเอ๋อเป็นเด็กที่รู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร เช่นนั้นนางจึงมั่นใจในตัวเขา
“ดี” ไทเฮาตรัส ” เช่นนั้นก็ออกไปเล่นเถอะ หากมีปัญหาใด จึงนําสร้อยข้อมือที่ยายทวดให้เจ้าออกมา เห็นสร้อยข้อมือนั่นก็เท่ากับเห็นข้า จะไม่มีผู้ใดในตําหนักในนี้กล้ารังแกเจ้า”
” เฉินเอ๋อเข้าใจแล้ว”
ไป๋เสี่ยวเฉินดึงตัวเสี่ยวมลงมาจากไหล่ของเขา จากนั้นก็อุ้มมันไว้ในอ้อมแขน
ทันทีที่ออกมาพ้นตําหนัก เขาก็คิดว่า ตําหนักที่ไป๋รั่วหญิงชั่วร้ายนั่นพักอยู่ ไปทางไหนกันนะ
***จบบท เข้าวังอีกครั้ง (3) ***