“เจ้าควรที่จะขอโทษพี่ชายคนนี้ !”
” ทําไมข้าต้องขอโทษ ? ข้าเป็นหลานชายของฮ่องเต้ ! ข้าจะทําอะไรก็ได้”
หลานชายฮ่องเต้ ?
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา เด็กอ้วนคนนี้เป็นลูกชายของไป๋รั่วใช่มั้ย ? ไม่แปลกใจเลยที่เขาหยิ่งยโสเช่นนี้ !
“เสี่ยวมี่ กัดเขา !”
ทันทีที่รู้ว่าเด็กอ้วนคนนี้เป็นบุตรชายของไป๋รั่ว ไป๋เสี่ยวเฉินก็ออกคําสั่ง พร้อมกันนั้นเขาก็ปล่อยเสือน้อยออกจากอ้อมแขน
“เมี้ยว”
เสี่ยวมีร้องเมี้ยว ก่อนจะรีบวิ่งตรงเข้าหาอันธพาลตัวน้อยอย่างว่องไว กรงเล็บแหลมคมของเสี่ยวมีข่วนใบหน้าของเด็กอ้วน ทําให้อันธพาลตัวน้อยกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
“ช่วยข้าด้วย พวกเจ้าช่วยข้าเร็ว ฆ่าแมวบ้านั่นไว ๆ !”
ขันที และนางกํานัลที่กําลังจะเข้าไปจับตัวไป๋เสี่ยวเฉิน ครั้นได้ยินเสียงร้องเรียก ต่างก็รีบหันกลับมา พวกเขาโถมตัวพุ่งเข้าหาแมวขาว
เสี่ยวมี่เคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวว่องไว แมวน้อยหลบรอดจากวงล้อมของเหล่าขันทีไป โผล่ที่ด้านหลังอันธพาลตัวน้อย มันตะปบกรงเล็บลงไปอีกครั้ง เลือดไหลออกมาจากลําคอของอันธพาลตัวน้อย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด
บรรดาองค์หญิงองค์ชายที่อยู่โดยรอบ ต่างก็ตัวสั่นสะท้าน เมื่อแลเห็นภาพนี้ พวกเขาก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว ต่างก็จ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าเป็นไงบ้าง” ไป๋เสี่ยวเฉินวิ่งเข้าไปหาเด็กผอมกะหร่องคนนั้นพร้อมกับยื่นมือให้ “ข้าชื่อไป๋เสี่ยวเฉิน ท่านแม่ของข้าชื่อไป๋หยาน นางเป็นผู้หญิงที่สวย อีกทั้งใจดีที่สุดในโลกเลย”
“ข้า “ เด็กชายตัวผอมมองมือของไป๋เสี่ยวเฉินที่ยื่นออกมาอย่างลังเล แต่ครั้นเขาตั้งสติได้ เขาก็คว้ามือของไป๋เสี่ยวเฉินอย่างมีความสุข ” ข้าชื่อหนานกงซุ่น ตอนนี้เจ้าได้ทําให้พระนัดดาขององค์ฮ่องเต้ขุ่นเคือง เขาไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่”
ไป๋เสี่ยวเฉินเบ้ปาก พลางกล่าวว่า “หมามี้ของข้าบอกไว้ว่า หากเราไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง เราก็ไม่จําเป็นต้องกลัวอะไร ฮ่องเต้แล้วไงล่ะ ? ข้าไม่กลัวหรอก”
เมื่อใดก็ตามที่ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวถึง “แม่” ประกายตาของเด็กร่างผอมก็จะหม่นหมองลง
“เจ้าไม่ต้องกังวล หม่ามี้ของข้าเป็นคนดีมาก ๆ เลย หากหม่ามี้ของข้ารู้ว่าเจ้าถูกรังแกแล้วล่ะก็ นางก็จะไม่ยอมนิ่งเฉยอย่างแน่นอน” ไป๋เสี่ยวเฉินตบหน้าอกของตนอย่างมั่นใจ
หนานกงซุ่นยิ้มอย่างเศร้า ๆ “การมีแม่ ช่างดีจริง ๆ”
มารดาของเขาเป็นเพียงนางกํานัลในวัง และเขาเป็นเด็กที่เกิดมาจากความผิดพลาด ราตรีนั้นฮ่องเต้เสวยน้ำจัณฑ์กระทั่งเมามาย พระองค์ได้กระทําเรื่องน่าละอายกับมารดาของเขา แต่ครั้นตื่นบรรทม ฮ่องเต้ก็ทรงหลงลืมเรื่องก่อนหน้าจนหมดสิ้น หากมิใช่เป็นเพราะมารดาของเขาตั้งครรภ์ เรื่องน่าละอายนี้ก็คงจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้
แม้ว่ามารดาของเขาจะโชคดีที่สามารถให้กําเนิดเขาได้ ทว่าไม่นานนางก็ต้องเสียชีวิตเนื่องจากความอ่อนแอ
” หนานกงซุ่น นับจากนี้ไปมารดาของข้าก็เหมือนมารดาของเจ้า”
ไป๋เสี่ยวเฉินคว้าข้อมือของเด็กชายพลางกล่าวว่า “มากับข้า ข้าจะพาเจ้าไปพบหม่ามี้ของข้า”
หนานกงซุ่นตัวแข็งค้าง คิ้วของเขาขมวดเป็นปม สายตาของเขาจับจ้องมองเขม็งบริเวณข้อมือซึ่งไป๋เสี่ยวเฉินจับอยู่
ครั้นไป๋เสี่ยวเฉินเห็นว่าหนานกงซุ่นไม่ขยับตัวตาม เขาก็กระพริบนัยน์ตากลมโตพร้อมหันกลับไปมองอย่างสงสัย เขาทันได้เห็นสายตาของหนานกงซุ่นที่จับจ้องมองแขนของตนเอง
ไป๋เสี่ยวเฉินยนคิ้วที่น่ารักของเขา ก่อนจะยื่นมือไปเลิกแขนเสื้อของหนานกงซุ่นขึ้นดูชั่วขณะนั้นแม้ว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ทว่าภาพที่เขาเห็นก็ยังทําให้เขาถึงกับตกตะลึง
แขนผอม ๆ นับจากข้อมือนั้นขึ้นมาล้วนเต็มไปด้วยรอยแผล ไม่มีส่วนใดอยู่ในสภาพดีเลย รอยแผลที่ปรากฏทั่วแขน มีทั้งรอยฟกช้ำดําเขียว บางแห่งก็เป็นรอยบาดจากของมีคม บางแห่งก็เป็นรอยไหม้ ผู้ใดได้เห็นย่อมต้องตกใจ
หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินเศร้าเป็นอย่างมาก ผู้ใดกันที่สามารถทําเรื่องโหดร้ายเช่นนี้กับเด็กอายุเพียง 7 – 8 ขวบได้ ?
แค่แขนก็ยังเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเนื้อตัวภายใต้ผ้ากระสอบของเขาล่ะ ? ร่างกายของเขาจะได้รับบาดเจ็บมากมายเพียงไร ?
***จบบท ภาพที่โหดร้าย***