“เจ้าเจ็บมั้ย ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงยหน้าที่น่ารักของเขาขึ้นพร้อมกับเอ่ยถาม
เป็นครั้งแรกที่หนานกงซุ่นได้รับรู้ถึงความห่วงใย ความอบอุ่นไหลผ่านหัวใจของเขา เด็กน้อยส่ายหัวนิด ๆ “แผลตกสะเก็ดแล้ว ไม่เจ็บแล้ว”
” อย่าหลอกข้า แค่ข้าแตะเจ้า เจ้าก็เจ็บแล้ว” ไป๋เสี่ยวเฉินบุ้ยปาก เขาล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อคว้าขวดยาเม็ดออกมาหลายขวด ทว่าเขาก็ได้แต่เกาหัวเล็ก ๆ ของตน ”ข้าไม่รู้ว่าขวดไหนเป็นยารักษาบาดแผล เช่นนั้นเราต้องรอจนกว่าหม่ามี้ของข้าจะมาถึงที่นี่ ข้าจะให้หม่ามี้หายาที่เหมาะสม เพื่อใช้ในการรักษาบาดแผลให้เจ้า”
ก็ยาเม็ดพวกนี้คือขนมสําหรับเขา เช่นนั้นเขาเลยขี้เกียจจําว่าพวกมันแต่ละตัวมีสรรพคุณอย่างไรบ้าง
เรื่องที่เขาสนใจมีเพียงอย่างเดียวคือการใช้พิษ
ในขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินพยายามลากตัวหนานกงซุ่นไปพบมารดาของตน ทุกคนที่ได้ยินเสียงความวุ่นวายต่างก็รีบมายังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
ไป๋รั่วเป็นคนแรกที่มาถึง เพราะโอรสของนางอยู่ที่นั่นด้วย ครั้นเห็นว่าโอรสของนางอยู่ในสภาพที่น่าอนาถใจ นางก็โกรธเกรี้ยว “พวกเจ้าทุกคนมัวยืนเฉยอยู่ไย ยังไม่รีบไปจับแมวตัวนั้นอีก !”
ครั้นบรรดาทหารองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังนางก้าวไปข้างหน้า นางก็เห็นแมวขาวทําท่าหาวหวอดอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมแขนของไป๋เสี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว
“เสด็จแม่ !”
ทันทีที่อันธพาลตัวน้อยเห็นไป๋รั่วมารดาของเขาปรากฏตัว เขาก็เริ่มร้องไห้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล จนดูแทบไม่ได้
ไป๋รั่วกํามือแน่น นางจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยสายตาเย็นเยียบ “เจ้าเป็นลูกของผู้ใด ? เจ้ากล้าดียังไงมาทําร้ายโอรสของข้า ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขามีความสําคัญมากเพียงใด ?”
โอรสของนาง ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยทําอะไรผิดเลย ทว่ากลับต้องมาถูกรังแก นางจากไปเพียงแค่ครู่เดียว โอรสของนางก็ต้องมาตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ จะไม่ให้ไปทั่วโมโหได้อย่างไร ?
“เสด็จแม่ เด็กน่ารังเกียจคนนี้กลั่นแกล้งข้า ทูลเสด็จพ่อให้ลงอาญาประหารมันทั้งตระกูลเลย!”
“ลูกรัก เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้ามากที่สุด พระองค์จะไม่ทรงอยู่เฉยเป็นแน่หากมีผู้ใดทําร้ายเจ้า” ครั้นเห็นรอยขีดข่วนทั่วร่างกายของบุตรชาย ไป๋รั่วก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
ครั้นเห็นว่าเด็กชายไม่ตอบคําถามของนาง ไป๋รั่วก็กล่าวอย่างเย็นชาขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นลูกของผู้ใด แต่เจ้ารังแกโอรสของข้า เจ้าก็ต้องคุกเข่า และขออภัยโอรสของข้า !”
ในความคิดของไป๋รั่ว การให้ไป๋เสี่ยวเฉินคุกเข่าขอโทษเป็นการกระทําที่เมตตาที่สุดเท่าที่นางสามารถทําได้แล้ว
ทว่า นางจะให้อภัยเด็กน่ารังเกียจคนนี้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“เจ้าคือหญิงชั่วร้ายที่สุดของบ้านสกุลไป๋” ไป๋เสี่ยวเฉินยกมือขึ้นลูบหัวเสี่ยวมี่ “เจ้าจําใบหน้าของหญิงชั่วช้าผู้นี้ได้มั้ย ? นางช่างน่าเกลียดน่ากลัว น่าจะจําได้ง่ายนะ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าองค์รัชทายาทตาบอดหรือไร ถึงเลือกแต่งงานกับหญิงสารพิษนี่ !”
“เจ้า” ไปชั่วชี้หน้าไป๋เสี่ยวเฉิน แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ
” หม่ามี้ของข้าบอกว่า คนที่ทําเรื่องไม่ดีมักจะคันทั่วทั้งตัว ทั้งยังคันตลอดเวลา ข้าเห็นท่านทําหลังยุกยิก ๆ สงสัยว่าท่านคงจะคันมากแต่ไม่กล้าเกาใช่มั้ย ?”
“เจ้า ” ใบหน้าของไป๋รั่วเปลี่ยนไปทันที นางเพิ่งตากว้างอย่างแค้นเคือง ”เจ้าเป็นบุตรชายของไป๋หยานใช่หรือไม่ ?”
นางสงสัยมานานแล้วว่านางน่าที่จะถูกไป๋หยานใช้เล่ห์กลอะไรบางอย่าง ยิ่งเด็กคนนี้กล่าวออกมาแบบนี้ นางก็ยิ่งมั่นใจว่าที่นางต้องคันไปทั่วทั้งตัวเช่นนี้ ต้องเกิดจากไป๋หยานอย่างแน่นอน และมีแต่ไป๋หยานเท่านั้นที่จะแก้ไขได้
แม้ว่าพระสวามีของนางจะได้เชิญหมอปรุงยามาตรวจอาการของนาง ทว่าที่นางได้รับก็แค่ยาบรรเทาอาการคันเท่านั้น! เรื่องนี้ทําให้นางเจ็บปวดมาก
เพราะฤทธิ์ของยาพวกนั้นเพียงทําให้นางเกิดอาการชา หากแต่ไม่สามารถแก้อาการคันได้อย่างถาวร เมื่อหมดฤทธิ์ยา นางก็จะกลับมาคันอย่างรุนแรงอีกครั้ง
“ผู้ใดก็ได้จับตัวเด็กไม่มีสกุลรุนชาตินั่นให้ข้าที !”
เด็กที่ถือกําเนิดโดยชายที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าย่อมเป็นเด็กไม่มีสกุลรุ่นชาติ
นางไม่มีทางเชื่อว่า เด็กน่ารังเกียจนี่จะเป็นบุตรชายของอ๋องคัง !
“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา !”
***จบบท โจรฟ้องโจร (1)***