ยังมิทันจะมีผู้ใดกล่าวคํา นางกํานัลก็ช่วยพยุงไทเฮาก้าวออกมา
พระพักตร์ไทเฮาสั่นระริกด้วยความพิโรธอย่างรุนแรง พระวรกายของพระนางสั่นเทิ้ม แม้จะมีนางกํานัลคอยช่วยพยุงตลอดเวลาก็ตามที
“เสด็จแม่ เหตุใดพระองค์จึงอยู่ที่นี่ ?” หนานกงหยวนตรัสถามด้วยความประหลาดพระทัย
พระพักตร์ของไทเฮาแลดูเคร่งเครียด ” ตอนนี้ หม่อมฉันไม่สนใจเรื่องที่สรรพสัตว์ทั้งหลายนอบน้อมแสดงความเคารพ หรือเรื่องการเป็นพระนัดดาฮ่องเต้ ทว่าฝ่าบาทต้องลงโทษเด็กคนนี้ วันนี้เขากล้าดีทุบตีพระบิตุลา(อา)ของตนเอง ทั้งยังกล้าชี้หน้าด่าหม่อมฉันว่าเป็นแม่มดเฒ่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าเขาจะขับหม่อมฉันออกจากวัง !”
”และพระโอรสของฝ่าบาทยังเพิกเฉยต่อคําสั่งของหม่อมฉัน เขาสั่งให้องครักษ์จับตัวไป๋หยานและบุตรชายของนาง ! ฝ่าบาทต้องทรงจัดการให้หม่อมฉัน !”
พระพักตร์ของหนานกงหยวนแปรเปลี่ยนทันที เขาหันไปหาหลานชายพร้อมกับตะคอก “มาขอพระราชทานอภัย พระปัยยิกา(ย่าทวด)ของเจ้าเดี๋ยวนี้ !”
“ไม่ !”
” ขอพระราชทานอภัยเดี๋ยวนี้ !” สุรเสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นไปสองสามคีย์ เป็นสัญญาณว่าพระอารมณ์ของพระองค์เริ่มคุกรุ่น
ในฐานะลูกกตัญญ เขาไม่อนุญาตให้ผู้ใดชี้หน้าพระมารดาของตน ! ทว่าเด็กคนนี้เกิดด้วยฐานะพิเศษ ทําให้เขาไม่สามารถลงโทษได้
อย่างไรเสียหนานกงหลินก็ยังเกรงกลัวพระอัยกา(ปู่)ของตน นัยน์ตาของเขาแดงก่ำขณะกล่าวคํา “หม่อมฉันขอพระราชทานอภัยพระปัยยิกาพ่ะย่ะค่ะ ”
“ผู้ที่เจ้าควรขอโทษมิใช่มีเพียงข้า นอกจากนี้ ความผิดของเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก เพียงคําขอโทษยังมิเพียงพอ !”
พระพักตร์ของไทเฮานั้นยังคงดุดัน พระนางลากตัวหนานกงซุนออกมายืนข้างหน้าจากนั้นก็เปิดเสื้อเขาอีกครั้ง
“ดูนี่สิ ฝ่าบาทเป็นบิดาภาษาอะไรกัน ? ไม่ใส่พระทัยความเป็นอยู่ของโอรสตนเอง ? ดูสิว่าเขาต้องทนทุกข์ทรมานเพียงไร ? หากฝ่าบาทไม่สนพระทัยเขาหม่อมฉันจะดูแลเขาเอง ! นับจากนี้ไป หม่อมฉันจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้เอง !”
หนานกงหยวนทอดพระเนตรบาดแผลของหนานกงซุน ทว่าก็เพียงขมวดพระขนง เพราะมิได้รู้สึกอะไรนัก
ด้วยเหตุที่ฮ่องเต้มีพระโอรสมากมายหลายคน ทั้งเด็กคนนี้ก็ยังเป็นเด็กที่เกิดจากความพลาดไม่มีค่าใดเลย
ไป๋หยานมองสีหน้าของหนานกงหยวนนับแต่ต้นจนจบ นางกระจ่างแจ้งในความคิดของเขา นางจึงอดมิได้ที่จะเย้ยหยัน
“ช่างเป็นราชสกุลที่ไร้หัวใจอย่างแท้จริง”
”เสด็จแม่ ในเมื่อหลินเอ๋อก็รู้ความผิดของตนเองแล้ว เช่นนั้นก็จ่ายค่าทําขวัญให้เด็กนั่น ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
“ข้าไม่ต้องการค่าทําขวัญ !” หนานกงซุ่นเชิดหน้าอย่างดื้อรั้น “หากเขาทําผิดเขาก็ควรต้องชดใช้”
พระพักตร์ของหนานกงหยวนแลดูไม่ดีนัก เขาไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะกล้าเสนอหน้าปฏิเสธ
ทว่าในขณะที่เขาอ้าปากกําลังจะเกลี้ยกล่อมเด็ก น้ำเสียงเย็นชากระหายเลือดก็ดังขึ้น ทําให้หนานกงหยวนวรองค์แข็งค้างทันที
“ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะปล่อยเขาไป ?”
หนานกงหยวนหันศีรษะไปทางตี้คังทั้งที่ยังมีอาการแข็ง ๆ อยู่ พร้อมกับฝืนยิ้ม “อ๋องคัง หลินเอ๋อยังเป็นเพียงเด็กน้อย”
“เช่นนั้นบุตรชายของข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วงั้นสิ ?”
” หากแต่เมื่อครู่ … คุณหนูไปก็ทําร้ายทหารองครักษ์กระทั่งได้รับบาดเจ็บสาหัส เช่นนั้นก็ถือว่าให้แล้วกันไปเถอะ”
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาสมควรโดนแล้ว !”
น้ำเสียงของตี้คังเย็นยะเยือก นัยน์ตาเรียวคมของเขาจับจ้องไป๋หยานขณะกล่าวว่า “หยานหยาน มาอยู่ข้าง ๆ ข้า วันนี้ข้าอยากจะเห็นนักว่าผู้ใดจะกล้าแตะต้องภรรยาและลูกของข้า ! ”
ไป๋หยานก้าวย่างอย่างแช่มช้าไปยืนข้าง ๆ ดัง พลางกระซิบว่า ” ที่จริง ท่านไม่ต้องช่วยอะไรก็ได้ ข้ารับมือได้”
” หากเจ้ารับมือทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้นจะให้ข้าทําอะไรล่ะ ?”
ถึงแม้ว่าเจ้าจะสามารถจัดการได้ทุกสิ่ง ทว่าก็เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องปกป้องภรรยาและลูกชาย
ไป๋หยานได้แต่อึกอัก กล่าวคําใดไม่ออก
เหตุใดชายผู้นี้ต้องออกอาการหงุดหงิดทุกครั้งที่กล่าวคํา !
แต่ถึงกระนั้นนางก็เข้าใจความหมายของถ้อยคําเหล่านั้น
“ตี้คัง !” ทันใดนั้นเอง ไป๋หยานก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ นางคว้าสาบเสื้อของเขาเอ่ยกล่าวว่า “ข้าบอกท่านแล้วไง ว่าไม่ให้บอกผู้ใดเรื่องเฉินเอ๋อเป็นบุตรชายของท่าน ! ท่านไม่เข้าใจหรือไร ?”
***จบบท ผู้บริสุทธิ์ ตี้คัง***