ตี้คังยิ้มมุมปาก เขารีบโอบเอวไป๋หยานเข้าสู่อ้อมกอดทันที
“เฉินเอ๋อเป็นคนวิ่งเข้ามาหาข้าก่อนนะ อีกทั้งยังเรียกข้าว่าป๊ะป่าด้วย”
ไป๋หยานรู้สึกละอายขึ้นมาทันที เพราะเมื่อครูบุตรชายของนางเป็นผู้ที่วิ่งเข้าไปหาเขา อีกทั้งยังเรียกเขาเช่นนั้นจริง ๆ
“ไป๋หยาน !” ตี้คังหรี่ตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาลุ่มลึก ขณะเดียวกันก็น่าหวาดหวั่น “น่าอายนักหรือที่ข้าเป็นบิดาของเฉินเอ๋อ ?”
ไป๋หยานเบือนหน้าหนีอย่างไม่ตั้งใจ นางหลบสายตาคุกคามของตี้คัง
” หลังจากที่ข้าชําระแค้นให้เฉินเอื้อเรียบร้อย เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ครั้นกล่าวถึงประโยคสุดท้าย ตี้คังก็เน้นเสียง ราวกับเขากําลังกัดฟันพูด
“อ๋องคัง ท่านต้องการลงโทษหลินเอ๋อเช่นไร ?”
ฮ่องเต้ทรงเข้าพระทัยดีว่า หากวันนี้หนานกงหลินไม่ถูกลงโทษ ตี้คังก็คงไม่มีวันเลิกรา
“ประหาร !”
คําง่าย ๆ เพียงสองคํา ทว่าก็เพียงพอที่จะทําให้ราชวงศ์ทุกคนตัวสั่นสะท้าน
ไป๋รั่วรีบตะโกนขึ้นทันทีว่า “แม้ว่าเรื่องนี้หลินเอ๋อจะเป็นผู้เริ่ม ทว่าโทษก็ไม่ควรถึงกับประหารชีวิต หลินเอ๋อเป็นพระนัดดาของฮ่องเต้ ! ท่านจะโอหังมากเกินไปแล้วอ๋องคัง !”
ตี้คังมองไป๋รั่วด้วยสายตาเย็นเยียบ
ยามนี้หน้าผากไป๋รั่วเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ใบหน้าสวย ๆ ของนางขาวซีด นางกัดริมฝีปาก ขาของนางเหมือนจะไม่อาจควบคุม มันทรุดลงคุกเข่ากับพื้น
“นังหญิงชั้นต่ำ ผู้ใดอนุญาตให้เจ้ายืนพูดกับข้า ?”
หญิงชั้นต่ำ ?
ไป๋รั่วกําหมัดแน่น นางเป็นถึงพระชายา อีกไม่นานก็จะต้องเป็นฮองเฮา เรียกนางว่าหญิงชั้นต่ำได้อย่างไร ?
นางมองหญิงสาวในอ้อมแขนของตี้คังแล้ว นัยน์ตาของนางพลันแดงก่ำด้วยความอิจฉาริษยา
“อ๋องคัง … เราทําโทษโบยหลินเอ๋อสักห้าไม้พอหรือไม่ ?” หนานกงหยวนขมวดพระขนง
เขาอาจยอมปลดฮองเฮาของตนเองตามความต้องการของตี้คังได้ หากแต่หลานคนนี้ของเขาแตกต่างกัน หลานของเขาเป็นความหวังของอาณาจักรนี้ จะอย่างไรเสียเด็กน้อยก็จะตายไม่ได้
ตี้คังกวาดสายตามองผ่านหนานกงหยวนอย่างเย็นชา ก่อนจะไปหยุดลงที่หนานกงหลิน
นัยน์ตาของตี้คังฉายประกายแสงสีแดงราวกับกระหายเลือด เจตนาสังหารแผ่กระจายออกท่วมร่างในอาภรณ์สีม่วง ยามนี้ตี้คังดูคล้ายเทพแห่งความตาย ริมฝีปากของเขายกโค้ง รังสีอํามหิตแผ่ออกจากเรือนร่าง
“ป๊ะป๋าสุดหล่อ” ช่วงเวลานั้นเอง ไป๋เสี่ยวเฉินก็ดึงแขนเสื้อของทั้ง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เฉินเอ๋อ ไม่อยากเห็นการเข่นฆ่า”
แน่นอนว่า ถ้อยคําของไป๋เสี่ยวเฉินนั้นใช้ได้ผลกว่าคนอื่น ๆ
เจตนาสังหารค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างของตี้คัง เขาจ้องมองเจ้าซาลาเปาน้อยผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างขาของตน ” เขารังแกเฉินเอ๋อ เฉินเอ๋อไม่เกลียดเขาหรอกหรือ ?”
“เฉินเอ๋อเกลียดเขา แต่ก็ไม่อยากฆ่าเขา”
ไป๋เสี่ยวเฉินเอียงคอเล็กน้อย
“เพราะหากเทียบกับการฆ่าแล้ว เฉินเอ๋อชอบทรมานคนมากกว่า”
ไป๋เสี่ยวเฉินเติบโตมาจากการดูแลปกป้องแวดล้อมโดยพวกผู้ใหญ่ เช่นนั้นเขาจึงฉลาดเฉลียวมาก
ทว่าอย่างไรเสียเขาก็ยังเด็ก
มือของเขาสะอาดเกินกว่าจะเปื้อนเลือด
คําว่า “ฆ่า” จึงยังเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้
แต่ทว่า…
ร่างของเขามีเลือดของเผ่าอสุร เขาย่อมมีความโหดร้ายเป็นธรรมดา
อย่างไรก็ตามเพราะเขาได้รับการดูแลปกป้องเป็นอย่างดี ความโหดร้ายเลยยังไม่ถูกเร่งเร้ามากนัก
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าคิดว่าควรจะลงโทษเขาอย่างไรดี ?” ตี้คังเอ่ยถาม
ไป๋เสี่ยวเฉินแลบลิ้น พร้อมกับหันไปทางหนานกงซุน ”เจ้ายังจําได้มั้ยว่าเขาเคยแกล้งเจ้ายังไงบ้าง ?”
“อืม…” หนานกงซุนพยักหน้ารับพร้อมตอบเสียงต่ำ “พวกเขาเตะข้าสิบครั้ง ขว้างก้อนหินใส่ข้ายี่สิบครั้ง ใช้ไม้พิ่มข้าอีกสามครั้ง และใช้หินไฟเผาห้องของข้าหนึ่งครั้ง โชคดีที่ข้าวิ่งเร็วก็เลยรอดชีวิตมาได้ หาไม่แล้ว … “
***จบบท การลงโทษ (1)***