ครั้นทุกคนได้ยินถ้อยคําของหนานกงซุน ต่างก็มีสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที
แม้แต่หนานกงหยวนเองก็ไม่คาดคิดว่า หนานกงหลินจะคิดเผาหนานกงซุน
เรื่องนี้รุนแรงเกินไป !
หลังจากหนานกงซุนกล่าวจบ ไป๋เสี่ยวเฉินก็กระพริบตา เขามองไปที่อ๋องคั่ง “ป๊ะป๋าสุดหล่อ ท่านจําได้หมดมั้ย ? ทั้งหมดนั่นแหละที่เขาต้องคืนให้หนานกงซุน เฉินเอ๋อชอบที่จะเอาคืนทีละขั้น ๆ พวกเขาจะต้องได้รับในสิ่งที่เขาทํากับเราเฉกเช่นเดียวกัน”
“อ้อ … อีกอย่าง” ซาลาเปาน้อยดูเหมือนจะนึกอะไรออก ” เมื่อครู่ อันธพาลตัวน้อยนี่บอกว่าจะสังหารข้า อีกทั้งจะล้างตระกูลข้าด้วย”
สีหน้าของหนานกงอี้เปลี่ยนไปทันที “ทว่าเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ ? ทั้งมารดาของเจ้าก็ยังสบายดีอีกด้วย เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรให้เขาต้องชดใช้เจ้าด้วยชีวิต”
“อืม ก็ถูก” ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้า ” แต่การที่เขาขู่ข้า ก็เพียงพอที่จะนับว่าเขาติดหนี้ข้า เช่นนั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ป๊ะป๋า หากเราจุดไฟเผาบ้านเขาแล้ว เขายังรอดชีวิตมาได้ ท่านก็พาเขามาหาข้า ข้าอาจกําลังขาดเพื่อนเล่น”
แน่นอนว่า คําว่า “เพื่อนเล่น” นั้น มิได้หมายถึง “การเล่น” จริง ๆ ทว่าหากส่งอันธพาลตัวน้อยให้ไป๋เสี่ยวเฉินแล้วล่ะก็ อันธพาลตัวน้อยจะต้องถูกทรมานชนิดตายซะดีกว่า
“ก็ดี ”
สําหรับไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว คงมีเพียงคําตอบเดียวเท่านั้นให้บุตรชายของตน
“ไม่ ข้าไม่ยอม !”
ไป๋รั่วพยายามจะลุกขึ้นยืน แววตาเย็นชาของตี้คังกวาดไปที่นางอีกครั้ง พลันหัวเข่าของนางก็เหมือนถูกกดทับ กระทั่งต้องทรุดตัวลงคุกเข่าอีกครั้ง
นางกัดริมฝีปาก “เสด็จพ่อ หม่อมฉันขอร้องได้โปรดอย่าส่งหลินเอ๋อให้พวกเขา คนพวกนี้ชั่วช้าเลวทรามมาก พวกเขาต้องกลั่นแกล้งรังแกหลินเอ๋อเป็นแน่”
หนานกงหยวนหลับพระเนตรลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะลืมพระเนตรขึ้นอีกครั้งหลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ยามนี้ดูเหมือนเขาจะแก่ขึ้นอีกสิบปี
” ทําตามที่อ๋องคังกล่าว”
เดิมที่เขาคิดว่า หนานกงหลิน เพียงแค่กลั่นแกล้งหนานกงซุน หากแต่ไม่คิดว่าจะโหดร้ายถึงขนาดเผาบ้านเผาเรือน
หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เขาเกรงว่าก่อนที่หนานกงหลินจะได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ หนานกงหลินอาจจะต้องประสบพิบัติภัยเสียก่อน
เช่นนั้น หนานกงหยวนจึงตั้งพระทัยที่จะใช้เหตุการณ์ในครั้งนี้สั่งสอนหนานกงหลินให้ทําตัวดีขึ้น หากเด็กคนนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก็นับเป็นเรื่องที่ดี หาไม่แล้วเขาคงจะต้องคิดทบทวนเรื่องเด็กน้อยใหม่อีกครั้ง
ครั้นไป๋รั่วเห็นพระพักตร์ที่เด็ดเดี่ยวของหนานกงหยวน ร่างของนางก็หมดเรี่ยวแรงกระทั่งทรุดฮวบลงกับพื้น
“ข้าไม่ไป !” หนานกงหลินลุกขึ้นยืน พร้อมกับจ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยแววตาโกรธเคือง ” ข้าไม่ต้องการไปกับพวกเขา ข้าไม่ต้องการเป็นเพื่อนเล่นของเขา !”
เห็นได้ชัดว่า หนานกงหลินยังเข้าใจคําว่า “เพื่อนเล่น” ก็คือ “เพื่อนเล่น” ทว่าในความเป็นจริง มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถเล่นได้
“ป๊ะป๋าสุดหล่อ” ไป๋เสี่ยวเฉินทําตาโต พร้อมกับอมยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องอันธพาลตัวน้อยนั่นก็จบแล้ว แต่เรื่องของไป๋รั่วกับองค์ชายรัชทายาทยังไม่จบ เมื่อครู่นางมารร้ายไป๋รั่วฟ้องก่อนแล้ว องค์ชายรัชทายาทนั่นก็จะจับตัวข้า”
สีหน้าของหนานกงอี้พลันแปรเปลี่ยน เขาหันไปมองหนานกงหยวนพระบิดาของตนโดยไม่รู้
ทว่าหนานกงหยวนไม่สนพระทัยเขา อีกทั้งยังทอดพระเนตรข้ามหัวเขาไปด้วยซ้ำ
จนถึงตอนนี้ หนานกงอี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระบิดาของเขาถึงได้กลัวตี้คังมากเพียงนี้ ? หรือเป็นได้ว่าตี้คังมีความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวจริง ๆ ?
“ควรทําอย่างไรกับพวกเจ้าดีนะ ?” ตี้คังกวาดสายตาไปที่หนานกงอี้และไป๋รั่ว นัยน์ตาเรียวงามของเขาเหมือนจ้องมองมดตัวเล็ก ๆ
ไป๋เสี่ยวเฉินเอียงศีรษะเล็ก ๆ ของตน “เฉินเอ๋อเป็นเด็กใจดี ไม่อยากเห็นการลงโทษรุนแรง เอาแค่โบยสักร้อยไม้ต่อคนก็พอ แต่เราจะให้ลูกพี่ลูกน้องคนโตของหม่ามี้ลงโทษแทน !”
หนานกงอี้แทบจะกระอักเลือด
โบยร้อยไม้ ? ทั้งยังให้หลานเฉาหลิงโบยอีกด้วย ?
***จบบท การลงโทษ (2)***