บทที่ 145 : ฉ่อีอี้ (1)
ไปเสี่ยวเฉินกุ้ยปาก “ป๊ะป๋าห่วย ๆ นั่นดุร้ายมากเฉินเอ๋อไม่ต้องการเขา !”
ในใจเล็ก ๆ ของไปเสี่ยวเฉิน มีเพียงผู้ที่อ่อนโยนและใจดีเท่านั้นที่จะสามารถดูแลหม่ามของเขาเป็นอย่างดีได้
” แต่…” ไปเสี่ยวเฉินเอียงศีรษะ “เพื่อรับความช่วยเหลือจากเขาในวันนี้เฉินเอ๋อเลยยอมรับเขาในฐานะป๊ะป่า”
แต่ก็แค่ป๊ะป่าห่วย ๆ เท่านั้นแหละ …
“ไปกันเถอะ” ไปหยานกล่าว นางจับมือลูกน้อยพร้อมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “บ้านสกุลหลานทุกคนคงกําลังรอเราอยู่เราควรกลับบ้านกันได้แล้ว”
กลับบ้าน …
สองคํานี้ทําให้ไปเสี่ยวเฉินกระพริบตา
จากนี้ไป พวกเขาก็จะมีบ้านอื่นๆนอกจากบ้านที่เกาะศักดิ์สิทธิ์แล้ว !
“หม่ามี้ ชอบป่ะป่ามั้ย ?” ไปเสี่ยวเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
หากหม่ามชอบป๊ะป่า เขาก็ต้องทําใจยอมรับแม้ว่าจะไม่เต็มใจเลยก็ตามที
ไปหยานอึ้ง นางหยุดก้าว ภาพใบหน้าที่หยิ่งผยองของคังปรากฏขึ้นในใจที่สุดนางก็ส่ายศีรษะ “แม่ไม่ได้รังเกียจทว่าก็ไม่ได้ชอบ”
แค่นั้น
“งั้นเหรอ ?”
ไปเสี่ยวเฉินยังไม่เข้าเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกลึกซึ้งมากนักหากแต่เขาก็รู้สึกว่าท่าทีของหม่ามีที่มีต่อปะปาแตกต่างจากท่าทีที่มีต่อพ่อบุญธรรมของเขา
พ่อบุญธรรมชอบมารดาของเขา นางเองก็รู้ดี ทว่านางกลับปฏิเสธอย่างเด็ดขาดนางไม่เคยให้โอกาสพ่อบุญธรรมเลยหากแต่ตอนนี้ แม้ว่านางจะยังไม่ยอมรับป๊ะป๋าห่วย ๆ แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาอย่างหนักแน่นเช่นเดียวกับที่ปฏิเสธพ่อบุญธรรม
ขณะที่ไปเสี่ยวเฉินกําลังคิดถึงเรื่องนี้ ไปหยานก็เขกหัวบุตรชายของนาง“เลิกคิดเรื่องบ้าบอพวกนั้นได้แล้วทั้งป๊ะป่าของเจ้า ทั้งพ่อบุญธรรมของเจ้า แม่ไม่ยอมรับพวกเขาสักคน”
ไปหยานมิใช่ผู้หญิงใจง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีพอ
” เฉินเอ๋อ เลยเป็นลูกไม่มีพ่อ น่าเศร้าใจจัง” สีหน้าของไปเสี่ยวเฉินแลดูน่าสงสารมือของเขากุมศีรษะที่โดนมารดาเขก ปากเบ้ด้วยความเสียใจ
“ตราบใดที่คังไม่พยายามที่จะพรากเจ้าไป เจ้าก็สามารถไปหาเขาได้เสมอ”
หากนางห้ามไปเสี่ยวเฉินไม่ให้พบอ๋องคังก็ดูจะใจร้ายเกินไปเช่นนั้นนางจึงอนุญาตให้พ่อลูกพบกันได้ทว่าไปเสี่ยวเฉินจะต้องเป็นของนางตลอดไปไม่มีผู้ใดสามารถพรากลูกชายไปจากนางได้ !
ไปเสี่ยวเฉินก้มหัวลงแต่ไม่กล่าวคําใดอีก
เขาไม่ได้ต้องการป้ะป่าห่วย ๆ คนนั้น เขาเพียงหวังว่าหม่ามี้จะมีน้องสาวให้เขาสักคนก็แค่นั้น
บ้านสกุลหลานต่างเฝ้ารอไปหยานและไปเสี่ยวเฉิน เช่นนั้นทันทีที่กลับถึงบ้านหลานฮูหยินผู้ เฒ่าก็รีบผลุนผลันออกมาหาสองแม่ลูกนางมาถึงเป็นคนแรกพร้อมกับมองตรวจตราทั้งคู่ขึ้น ๆ ลง ๆด้วยเกรงว่าสองแม่ลูกจะไปพบเจอเรื่องไม่ดีในวังหลวง
อย่างไรก็ตาม ไปเสี่ยวเฉินที่เดิมที่กําลังอยู่ในอารมณ์หดหูทันทีที่ได้พบคนบ้านสกุลหลานเขาก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังจ่อย ๆ ตบท้ายด้วยการบอกเรื่องที่ให้หลานเฉาหลิงเป็นคนลงโทษ
ครั้นมองใบหน้าของเจ้าซาลาเปาน้อยที่เล่าอย่างมีอรรถรสแล้วท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานก็ได้แต่อมยิ้มเขาสั่งให้บ่าวรับใช้นําสํารับเย็นออกมาวางบนโต๊ะ
เมื่อไปหยานรับประทานอาหารเสร็จ นางก็กลับไปที่ห้องนอนทันทีที่เข้าห้องนอนนางก็ต้องชะงัก เมื่อพบนกพิราบขาวบินมาเกาะที่หน้าต่างข้อเท้าของนกพิราบมีจดหมายน้อยผูกติด
“นายหญิง ผู้ใดส่งจดหมายมา ?”
หลังจากเห็นไปหยานเดินไปหยิบจดหมายออกมาจากขานกพิราบแล้วเสี่ยวมีซึ่งกําลังเลียอุ้งเท้าอย่างเกียจคร้านพลันหรี่ตาลงพร้อมกับเอ่ยถาม
“นางมาถึงที่นี่แล้ว” ไปหยานยกยิ้ม บางที่อาจเป็นเพราะยามนี้กําลังอารมณ์ดีแววตาของนางจึงแพรวพราวราวกับกําลังหัวเราะ
นางมาที่นี่ ?
เสี่ยวมีกระพริบตา นางที่ว่าคือผู้ใดกัน ?
“เสี่ยวมี่ บอกเฉินเอ๋อด้วยว่า ข้าจะออกไปข้างนอกเพื่อรับใครบางคน
***จบบท อู่อีอี้ (1)***