“ลูกรัก…เจ้าคิดว่าคนบ้านสกุลไป๋พวกนั้น มีคุณสมบัติคู่ควรพอที่จะพบเจ้ากระนั้นหรือ ?” บนถนนที่คึกคักขวักไขว่ ไป๋หยานหยุดยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน นางจ้องมองใบหน้าเล็กอ่อนเยาว์ของบุตรชาย
ไป๋เสี่ยวเฉินเลิกคิ้วขึ้น แม้จะยังเยาว์วัย “นอกจากน้าชายแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดที่มีคุณสมบัติเหมาะสมพอที่จะพบข้า”
“เมื่อเจ้ารู้เช่นนั้นก็ดีแล้ว แม่จะหาโอกาสพาน้าชายของเจ้ามาพบเจ้า ทว่าก่อนจะถึงวันนั้น ก็อย่าให้คนสกุลไป๋พบตัวเจ้าได้”
แม้ว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ทว่าอย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นเด็กที่ต้องได้รับการปกป้องดูแลด้วยความรัก หลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ทั้งสามของนาง หรือฉู่อี้เฟิงต่างก็รักเด็กน้อยสุดหัวใจ ไม่เคยให้หนูน้อยต้องพบกับความคับแค้นใจใด ๆ เลย เช่นนั้นไป๋หยานจึงไม่ต้องการให้หูของบุตรชายนางต้องแปดเปื้อนไปด้วยถ้อยคำสกปรกจากคนเหล่านั้น
“เช่นนั้น หม่ามี้ต้องสัญญาว่า จะพาท่านน้ามาพบข้า อย่าหลอกข้า เพราะเห็นว่าข้ายังเป็นเด็ก” เขาทำปากจู๋พลางยื่นนิ้วก้อยเล็ก ๆ ของตนออกมาตรงหน้า
ไป๋หยานหน้าเครียด ยังเป็นเด็กกระนั้นรึ ? อย่างเขาน่ะนะ ? นี่เขาคิดว่าตนเองเป็นเพียงเด็กห้าขวบกระนั้นรึ ? คนอย่างเขามีแต่จะหลอกคนอื่น ไม่มีใครหลอกเขาได้แน่
“เอาล่ะ เช่นนั้นเรามาทำสัญญากัน” ไม่ว่าในใจของนางจะคิดสิ่งใด ไป๋หยานก็ทำได้เพียงทำตามคำร้องขอของไป๋เสี่ยวเฉิน นางเกี่ยวก้อยกับไป๋เสี่ยวเฉิน “ตอนนี้ เจ้าเชื่อแม่หรือยัง ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินยิ้มอย่างไร้เดียงสา “หม่ามี้ บ้านที่ท่านเตรียมไว้ให้ลูกอยู่ที่ใด ? ยังไงก็ตามแต่ ลูกขอบอกไว้ก่อนนะว่า หากสภาพแวดล้อมไม่ดีเท่าที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ของเรา ลูกก็ไม่ยอมอยู่ที่นั่น”
ไป๋หยานกล่าวพึมพำ “เมื่อออกมานอกเกาะเช่นนี้ เจ้าไม่ควรคาดหวังให้สูงจนเกินไป หาไม่แล้วแม่จำต้องส่งเจ้ากลับเกาะทันที”
แม้แต่วังหลวงเองก็ยังไม่อาจเทียบเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้ มาตอนนี้ลูกน้อยของนางยังต้องการบ้านที่มีสภาพแวดล้อมเหมือนกับบ้านน้อยบนเกาะอย่างนั้นหรือ ? บุตรชายของนางกำลังฝันกลางวันอยู่รึไง ?
“หม่ามี้…ลูกผิดไปแล้ว ได้โปรดอย่าส่งลูกกลับไปนะ หากไม่มีหม่ามี้ที่แสนสวยอย่างท่านอยู่บนเกาะแล้ว ลูกคงจะบ้าตายที่ต้องเห็นแต่หน้าเหี่ยว ๆ ของอาจารย์ตาทั้งสามทุกวี่ทุกวัน แต่ยังไงก็ตาม หม่ามี้ต้องห้ามลืมกลับมาปรุงอาหารให้ลูกกิน หาไม่แล้วลูกคงต้องอดตายแน่ ๆ”
ภายในอ้อมแขนของเด็กชาย เสี่ยวมี่แหงนเงยหน้าขึ้น พร้อมกับส่งเสียงคำรามเบา ๆ ราวกับสนับสนุนข้อเรียกร้องของไป๋เสี่ยวเฉิน
เนื่องจากไป๋หยานสั่งเสี่ยวมี่ไว้ว่า ห้ามพูดภาษามนุษย์ต่อหน้าสาธารณชน เสือขาวจึงใช้วิธีดั้งเดิมเช่นนี้ เพื่อบอกกล่าวความต้องการของตน
“แล้วแม่จะมาทำอาหารให้เจ้าเอง” นางลูบศีรษะของเด็กชาย “แต่เจ้าห้ามจู้จี้จุกจิกเรื่องอาหารล่ะ”
ไป๋เสี่ยวเฉินทำหน้าเศร้า เขาก้มหน้าลง พร้อมกล่าวพึมพำว่าอาหารจากฝีมือพ่อครัวแม่ครัวพวกนั้นจะอร่อยได้อย่างไร หากเทียบกับอาหารที่หม่ามี้ปรุงเอง ? แต่เพราะไม่อยากถูกส่งตัวกลับ เด็กน้อยก็ฉลาดพอที่จะไม่สร้างปัญหา !
ภายในอาณาจักรหลิวฮั่ว บ้านของบ้านสกุลไป๋นั้นตั้งอยู่บนถนนทางทิศตะวันออก สถานที่ซึ่งเจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมือง เนื่องเพราะพวกเขานับได้ว่าเป็นคนจากสกุลชั้นนำหนึ่งในสี่ของเมืองนี้
และบังเอิญว่า บ้านที่ไป๋หยานส่งคนไปหา เพื่อให้บุตรชายของนางได้พักอาศัยนั้นก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านสกุลไป๋สักเท่าใดนัก ทั้งยังเงียบสงบ และร่มรื่น ประตูบ้านก็ยิ่งใหญ่อลังการ เมื่อมองจากภายนอก
“หม่ามี้ แม้ว่าบ้านหลังนี้จะด้อยกว่าบ้านบนเกาะศักดิ์สิทธิ์ของเรา หากแต่ก็ดูดีกว่าบ้านสกุลไป๋นะ”
เนื่องจากระหว่างทางมาที่นี่ ผ่านบ้านสกุลไป๋ ไป๋หยานจึงใช้โอกาสนั้นชี้ให้บุตรชายของนางดูบ้านสกุลไป๋ นี่จึงเป็นเหตุที่เด็กน้อยมีความสุขมาก เมื่อเขารู้ว่าบ้านของเขานั้นดูดีกว่าบ้านสกุลไป๋มาก
ฮึ ดูสิผู้ใดจะกล้ากลั่นแกล้งหม่ามี้ของข้าอีก !
“ลูกรัก ที่นี่มิใช่เกาะศักดิ์สิทธิ์ของเรา เช่นนั้นยามที่แม่ไม่อยู่ เจ้าต้องไม่สร้างปัญหาใด เจ้าเข้าใจที่แม่พูดหรือไม่ ?” ไป๋หยานตบไหล่บุตรชาย พร้อมกับเอ่ยถามอย่างจริงจัง
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตาปริบ ๆ พลางเอ่ยถามว่า “แล้วหากมีผู้ใดมารังแกข้าล่ะ ?”
***จบบท ข้าคือคุณหนูใหญ่ของบ้านสกุลไป๋ (1)***