บทที่ 153 : การแก้แค้นของดิ์คัง (1)
“ไม่เด็ดขาด !” ครั้นไป๋หยานได้ยินคําของฉู่อีอี้ นางก็หน้าเข้มขึ้นทันที “เจ้าอยู่ที่นี่ ห้ามไปที่ใดทั้งสิ้น”
หลานเสี่ยวหยุนหันมา “พี่ไป๋หยาน พี่ใหญ่ก็จะเข้าวังพร้อมพวกเราด้วย นอกจากนี้ สถานที่ที่พวกเราจะไปก็คือกรมราชทัณฑ์ เราคงไม่ปล่อยให้อีอี้ได้รับอันตรายใด ๆ หรอก”
“ข้าไม่กลัวหรอกว่านางจะพบเจอเรื่องอันตราย ข้ากลัวคนอื่นต่างหากที่จะตกอยู่ในอันตราย”
อย่างฉู่อีอี้น่ะนะไม่มีวันตกอยู่ในอันตรายหรอก จะมีก็แต่คนอื่นเท่านั้นล่ะที่จะได้รับอันตราย หากพบเจอนาง !
“พี่ไป๋หยาน..” ฉู่อีอี้มองไปหยานด้วยสายตาวิงวอน “ข้าสัญญาว่า ข้าจะไม่สร้างปัญหา นะๆ ?”
ไปหยานมองฉู่อีอี้ด้วยสายตาหวาดระแวง ”เจ้าจะเผาวังทั้งวังมั้ย ?”
เผาวังทั้งวังเลยหรือ ?
มุมปากของหลานเสี่ยวหยุนกระตุก นี่พี่สาวของนางไม่ได้กล่าวเกินจริงไปหน่อยหรือ ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉู่อีอี้เนี่ยนะจะเผาวังทั้งวังได้ ?
สําหรับไป๋หยาน นางยังไม่ลืมเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่ฉู่อีอี้ยุให้ไป๋เสี่ยวเฉินบุตรชายของนางเผาขุมสมบัติของท่านอาจารย์ทั้งสาม เช่นนั้นไปหยานจึงห้ามมิให้ไป๋เสี่ยวเฉินร่วมมือทําเรื่องเช่นนั้นกับนางอีก
” ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ว่า ข้าจะไม่เผาวังหลวง” ฉู่อีอี้รีบยกนิ้วสามนิ้วปฏิญาณต่อสวรรค์
ไป๋หยานแลดูผ่อนคลายลง ” หยุนเอ๋อ เจ้าพานางไปแล้ว ก็ต้องจับตาดูนางให้ดี ๆ ล่ะ !”
หลานเสี่ยวหยุนยิ้มพร้อมกับกล่าวอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องห่วง พี่ไป๋หยาน ข้าจะนําฉู่อีอี้กลับมาอย่างปลอดภัย
ครั้นหลานเสี่ยวหยุนรับคําอย่างเชื่อมั่นแล้ว ไป๋หยานก็ไม่กล่าวคําใดอีก นางยืดแขนขึ้นฟ้าเพื่อคลายเส้น ก่อนจะเดินไปที่ลานด้านหลังอย่างเกียจคร้าน
******
ขณะเดียวกัน ณ ลานบ้านสกุลไป๋ ยามได้แบกร่างของไป๋เฉิงเซียงที่เต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลเข้ามา
หยูหรงรีบเดินออกมารับ ทันทีที่นางเห็นไป๋เฉิงเซียงผู้ซึ่งยามนี้มีใบหน้าบวมเป่งราวกับหัวหมู นางก็กรีดร้องพร้อมกับกระโดดเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่ ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน ? ผู้ใดทุบตีท่านเช่นนี้ ?”
“ไป๋…. หยาน ….“
ไป๋เฉิงเซียงไม่อาจพูดได้ชัดถ้อยชัดคํานัก ทว่าทันทีที่คําสองคํานี้ดังเข้าหูหยูหรง นางก็เบิกตากว้าง ด้วยความโมโห
ไป๋หยานอีกแล้ว !
เหตุใดนางแพศยานั่นจึงสร้างปัญหาให้ตระกูลไป๋ไม่จบไม่สิ้น ?
“รีบไปหาหมอปรุงยามาดูอาการท่านเจ้าบ้าน !” หยูหรงออกคําสั่งพวกยามที่อยู่ด้านหลังจากนั้นนางก็ให้สาวใช้ประคองสามีของนางไปพักผ่อนที่ห้องนอน
พวกยามรีบรับคําสั่งก่อนจะก้าวถอยออกไป ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็เข้า มาในห้องนอนของไป๋เฉิงเซียง
ครั้นหมอเฒ่าเห็นอาการซึ่งถูกทุบตีมาอย่างน่าสังเวชของไป๋เฉิงเซียง เขาก็นิ่งอึ้งพร้อมกับย่นคิ้ว “เจ้าบ้านไปได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย ยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นหนึ่งหรือขั้นสองไม่อาจช่วยอะไรได้”
“ท่านหมอ โปรดรักษาสามีของข้าด้วยเถิด”
หยูหรงกัดริมฝีปากขณะกล่าว
หมอปรุงยามักเย่อหยิ่งโอหัง แม้นางจะเป็นนายหญิงแห่งบ้านสกุลไป๋ หากแต่ก็ไร้ซึ่งความหมายในสายตาของเขา เช่นนั้นในตอนนี้ นางจําเป็นต้องวางศักดิ์ศรีทั้งหมดของตนลงต่อหน้าเขา
ชายชราลูบหนวดเครายาว ๆ ของตนพลางกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมยว่า “การรักษาอาจต้องใช้เวลา ที่สําคัญก็คือเราต้องการยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามเพื่อใช้รักษาอาการบาดเจ็บของเขา”
“กระไรนะ ? ยาเม็ดจิตวิญญาณขันสาม !”
หยูหรงร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
อย่างที่เคยกล่าวก่อนหน้านี้ ไป๋เฉิงเซียงมีวันนี้ได้ก็เพราะหลานเยี่ย โดยส่วนตัวแล้ว ไป๋เฉิงเซียงมิใช่คนมีหัวทางด้านการค้า เช่นนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาสินสอดทองหมั้นของหลานเยี่ยก็เกือบจะหมดลง หาไม่แล้ว หยูหรงคงมิคิดขายไปหยานเพื่อแลกกับยาเม็ดจิตวิญญาณขันสามหรอก
“ท่านอาจารย์หยู ยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามนั่นราคาเท่าไหร่หรือ ? …”
หยูหรงกัดริมฝีปากขณะเอ่ยถาม
ชายชรายิ้มอย่างใจเย็น “สิบล้าน…เหรียญทอง”
“นี่มัน..!” หยูหรงนิ่งงันชั่วขณะ นางอยากต่อรองราคา อย่างไรก็ตาม ด้วยฐานะและชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของบ้านสกุลไป๋ หากมีผู้ใดรู้ว่าบ้านสกุลไปไม่มีปัญญาซื้อยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าบ้านสกุลไป๋คงตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน ผู้คนคงจะได้หัวเราะเยาะไปทั่ว
***จบบท การแก้แค้นของตี้คัง (1)***