บทที่ 159 : โยนบาป (1)
“เสี่ยวมี่” ไป๋เสี่ยวเฉินลูบหัวเสือน้อย นัยน์ตากลมโตของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา “หม่ามี้เคยบอกแล้วไงว่า อย่าคุยกะอาม่าวัยหมดประจําเดือน ? ผู้หญิงพวกนี้มักจะขี้หงุดหงิด อารมณ์เสีย แต่ข้าดันไม่เชื่อ”
องค์หญิงไม่เข้าใจความหมายของคําว่าวัยหมดประจําเดือน แต่นางเข้าใจคําว่า อาม่า อย่างแจ่มแจ้ง
เด็กบ้านมาเรียกนางว่า อาม่า ได้ไงหา ?
” พวกเจ้ามัวทําอะไรอยู่ ?” องค์หญิงหกคํารามพร้อมกับกระทืบเท้าเรา ๆ “รีบมาจับเด็กสารเลวนี้ให้ข้าสิ !”
องครักษ์ต่างหันมองหน้ากันด้วยความลังเล ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะก้าวเท้าออกมา
เพราะเรื่องที่เด็กน้อยนี่เป็นบุตรชายของอ๋องคัง ทั้งอ๋องคังยังปกป้องเด็กน้อยโดยไม่ไว้หน้าฮ่องเต้ตอนอยู่ในวังหลวง ก็เป็นที่รู้กันดี
แล้วผู้ใดจะกล้าแตะต้องเขาเล่า ?
“องค์หญิง” หนึ่งในองครักษ์กล่าวขึ้นช้า ๆ อย่างลังเล “เป็นที่รู้กันดีว่าเด็กผู้นี้คือบุตรชายของท่านอ๋องคัง หากเราลงมือทําอะไรลงไป แล้วอ๋องคังรู้เรื่อง บางที ….”
“เจ้ากล้าดียังไง ? !” องค์หญิงตบหน้าองครักษ์ ใบหน้างดงามของนางพลันบิดเบี้ยว “อย่าลืมสิว่านายของเจ้าเป็นใคร ! หากมัวแต่กลัวอ๋องคังกระทั่งไม่กล้าทําอะไร ข้าจะเป็นผู้ลงมือเอง ดูสิว่าเด็กเดรัจฉานนี้จะยังกล้าอวดดีกับข้าอีกหรือไม่ ?”
หากเป็นก่อนหน้านี้องค์หญิงหกคงจะไม่กล้าต่อต้านตี้คัง
ทว่าตอนนี้หัวใจของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ทําให้นางขาดเหตุผล นางทําทุกอย่างด้วยอารมณ์โกรธ
หากมีใครได้เห็นดวงตาคู่นั้นของนาง พวกเขาอาจเข้าใจผิดว่าไป๋เสี่ยวเฉินไปฆ่าล้างโครตนางจนเกลี้ยง
“ข้าเองก็สงสัยว่าบุตรชายของไป๋หยานจะดีสักเพียงใด กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นเพียงเด็กเหลือขอที่ไม่รู้จักมารยาท ! ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่า เหตุใดอ๋องคังถึงยอมรับเด็กไม่มีสกุลรุนชาตินี่เป็นบุตรชายของเขา !”
ไป๋เสี่ยวเฉินเบ้ปาก ไม่แปลกใจเลยที่หญิงผู้นี้เกลียดขี้หน้าเขาตั้งแต่แรกพบ เพราะป๊ะป่าจอมวายร้ายนี่เองที่เป็นต้นเหตุ
“นี่อาม่าอยากแต่งงานกับป๊ะป่าข้างั้นรึ?” ไป๋เสี่ยวเฉินหัวเราะคิกคัก “งั้นข้าก็ผิดเองที่เรียกท่านว่าอาม่า ท่านอยากให้ข้าเรียกเจ้แทนมั้ยล่ะ ?”
“เจ้า .. “
องค์หญิงผงะ นางมองรอยยิ้มของไป๋เสี่ยวเฉินที่แลดูไร้เดียงสาน่ารัก แต่เหตุใดนางจึงกลับเห็นรอยยิ้มนั้นช่างเลวร้ายราวกับรอยยิ้มของปีศาจน้อย
ครั้นนางรู้สึกตัว ไป๋เสี่ยวเฉินก็ได้เข้ามายืนอยู่เบื้องหน้าองค์หญิงหกแล้ว ไป๋เสี่ยวเฉินยืดมือออกไปผลักองค์หญิงหกถอยหลังไปสองสามก้าว
“อ๊ะ !”
องค์หญิงหกถูกไป๋เสี่ยวเฉินผลักกระทั่งเกือบจะล้มลง นางกรีดร้อง ก่อนจะพุ่งเข้าหาไป๋เสี่ยวเฉินอย่างบ้าคลั่ง
“ข้าจะฆ่าเจ้า เด็กเดรัจฉานนี้ !”
ทว่าขณะที่องค์หญิงกําลังจะแตะตัวไป๋เสี่ยวเฉินนั้น เด็กน้อยก็เบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้างเพื่อหลบเลี่ยงมือขององค์หญิง ส่งผลให้องค์หญิงสะดุดหน้าคะมํา
เรือนผมขององค์หญิงหกยุ่งเหยิงไปหมด และด้วยเรือนผมที่ยุ่งเหยิง พร้อมด้วยนัยน์ตาโกรธเกรี้ยวแดง…ราวกับสัตว์ป่า ทําให้ภาพลักษณ์ของนางตอนนี้เหมือนหญิงวิกลจริตไปแล้วจริงๆ
บ้าที่สุด !
ทักษะการต่อสู้ระดับนางยังจัดการกับเด็กเหลือขอคนนี้ไม่ได้ ?
ไม่ !
ไม่มีทาง
ข้าจะต้องให้บทเรียนแก่เด็กนี้ หาไม่แล้วข้าคงไม่มีหน้าไปพบผู้ใดอีก !
“เกิดอะไรขึ้น ผู้ใดทําเสียงเอะอะครึกโครมด้านนอก”
พลันเสียงแหลม ๆ ก็ดังขึ้นทันที
กลุ่มทหารจํานวนหนึ่งกรูออกมาจากตําหนักอ๋องคั่ง เพื่อตรวจสอบ หัวหน้าองครักษ์เห็นองค์หญิงหกผู้ซึ่งกําลังคลั่งกับทั้งไป๋เสี่ยวเฉินผู้ไร้เดียงสา เขาก็ตะลังงัน
“ท่านอ๋องน้อย..องค์หญิงหก พวกท่านมาทําอะไรกันที่นี่ ?”
อ๋องคังยอมรับฐานะของไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่ได้หยดเลือดพิสูจน์ก็ตามที อีกทั้งดูเหมือนอ๋องคังเองก็ไม่คิดจะหยดเลือดด้วย เช่นนั้นย่อมถือว่าเรื่องนี้เป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้