“หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ตีพวกเขาให้ตายไปเลย !” ไป๋หยานเลิกคิ้ว ดูเหมือนนางจะลืมคำสั่งของตนเองที่กล่าวไว้เมื่อครู่เสียสนิท “เจ้าสังหารพวกเขาได้เลย อย่างไรเสียแม่ก็จะรับผิดชอบเรื่องนี้แทนเจ้าเอง ส่วนเจ้าก็ยังมีอาจารย์ตา เจ้าจงกลับไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ พวกท่านจะเป็นที่พึ่งพาให้เจ้าได้ !“
ผู้ใดกล้าที่จะรังแกบุตรชายของไป๋หยาน ?
ประกายแสงวาววับปรากฏขึ้นในดวงตาของเด็กน้อย ครั้นได้ยินหม่ามี้กล่าวเช่นนี้ เขาก็รู้สึกโล่งใจ
หม่ามี้เพิ่งจะบอกว่าเขาไม่ควรให้คนสกุลไป๋พบเห็น หากแต่ไม่ได้บอกนี่ว่า ห้ามมิให้เขาสร้างปัญหาให้กับคนเหล่านั้น
หากข้าไม่ได้ให้บทเรียนที่ดีแก่คนชั่วพวกนั้น ก็อย่ามาเรียกข้าว่าไป๋เสี่ยวเฉิน !
“หม่ามี้… ข้าจะรอท่านอยู่ที่บ้าน ทว่าท่านต้องไม่ลืมข้านะ อย่าลืมพาน้าชายมาพบข้าด้วยล่ะ” ไป๋เสี่ยวเฉินดึงแขนเสื้อของไป๋หยานพร้อมกับมองนางด้วยท่าทางออดอ้อน
ไป๋หยานหน้าง้ำ พลางคิดในใจว่า นี่เจ้าคิดว่าความทรงจำของแม่แย่มากนักหรือ แม่ถึงจะลืมได้แม้กระทั่งลูกของตนเอง ?
“หม่ามี้ ความจำของท่านแย่มาก ทุกคนต่างก็ยอมรับในข้อนี้” ไป๋เสี่ยวเฉินเหลือบตามอง เขาสามารถคาดเดาได้ว่า มารดาของเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ “ท่านสามารถลืมได้แม้กระทั่งป๊ะป๋าของข้า แล้วจะไม่ให้ข้าคิดได้ยังไงล่ะว่า สักวันท่านก็อาจจะลืมข้า“
ไป๋หยานยกมือขึ้นเขกหน้าผากของบุตรชายอย่างแรง “อย่าเอาแต่คิดเรื่อยเปื่อยไร้สาระ เสี่ยวมี่ ! เจ้าดูเลเขาด้วย“
นี่มิใช่ครั้งแรกที่ไป๋หยานทิ้งบุตรชายของตนไว้เพียงลำพัง ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งที่อยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์ ไป๋หยานก็เคยเร้นกายเข้าสันโดษ เพื่อฝึกวิชา และเพิ่มพลังให้กับตนเอง ทว่าในดินแดนแห่งนี้ แตกต่างจากในอดีตที่สองแม่ลูกเคยอยู่อย่างเห็นได้ชัด และนี่เป็นครั้งแรกที่นางกับบุตรชายออกมาจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่านางย่อมต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา
ในสายตาของไป๋หยาน เสือขาว เสี่ยวมี่น่าไว้วางใจมากกว่าบุตรชายของนางเองเสียอีก
เสี่ยวมี่ร้องคำราม เป็นการยืนยันว่ารับคำสั่งแล้ว จากนั้นเสี่ยวมี่น้อยก็ตบหน้าอกที่เต็มไปด้วยขนของตน เพื่อตอกย้ำความมั่นใจ
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเสี่ยวมี่ ไป๋หยานก็รู้สึกอุ่นใจ นางจึงจากไปบ้านสกุลไป๋คนเดียว ปล่อยให้เด็กน้อยทั้งสองอยู่กันตามลำพัง
“เสี่ยวมี่” ไป๋เสี่ยวเฉินเฝ้ามองดูมารดาที่เดินลับตาไป ก่อนจะตัดใจ เขาเม้มปาก จากนั้นก็กล่าวว่า “หากข้าดูดีสะอาดสะอ้าน น้าชายมาเห็นเข้าก็คงจะชอบใช่หรือไม่ ? เจ้าช่วยข้าคิดทีสิ หากหม่ามี้พาน้าชายมา ข้าควรจะมอบสิ่งใดเป็นของขวัญแก่เขาดี ? หรือว่าเอายาเม็ดที่หม่ามี้ให้เราไว้มาแบ่งครึ่งให้น้าชาย เจ้าว่าดีหรือไม่ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินไม่รู้หรอกว่ายาเม็ดที่เขาครอบครองเหล่านั้นมีมูลค่ามากมายเพียงใด แต่เขารู้ดีว่า อาจารย์ตาของเขามักจะต่อสู้แย่งชิงกัน เพื่อให้ได้ครอบครองเม็ดยาที่มารดาของเขาเป็นผู้ปรุงขึ้นพวกนี้
เสี่ยวมี่ กลอกตาไปมา ก่อนจะกระโดดลงมาจากอ้อมแขนของเด็กชาย มันไปหาสถานที่อุ่น ๆ สำหรับตัวเองเพื่ออาบแดด
*****
หลังจากผ่านมานานหลายปี บ้านสกุลไป๋ที่นางหนีจากไปก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ไป๋หยานยืนนิ่งอยู่กับที่ ความทรงจำในครั้งก่อนทวนย้อนกลับมาหานางราวคลื่นซัด “หกปีแล้วสินะ ที่สุดข้าก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง … ” ไป๋หยานพึมพำ
สิ่งที่พวกเขาเป็นหนี้ข้า ข้าจะให้พวกเขาชดใช้อย่างสาสม !
“เจ้าเป็นใคร ?” ยามที่ยืนอยู่หน้าประตูแสดงทีท่าประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นดูถูกเหยียดหยาม “ที่นี่คือบ้านสกุลไป๋ หาใช่สถานที่ซึ่งทุกคนจะเข้าไปได้ โดยเฉพาะผู้หญิงสกปรกเยี่ยงเจ้าที่คิดแต่จะมาจับผู้ชายในบ้านสกุลไป๋ของเรา ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว !“
ต้องมาได้ยินถ้อยคำพวกนี้อีกแล้ว ถ้อยคำที่เอาแต่ดูถูกผู้อื่น !
วิธีการพูดเช่นนี้ช่างสมกับเป็นยามของบ้านนี้จริง ๆ
อย่างที่คนเขาว่า สุนัขรับใช้ ย่อมไม่ต่างจากนายของมัน
“ข้าเป็นคุณหนูใหญ่ของบ้านสกุลไป๋” น้ำเสียงของนางเย็นชาลงเล็กน้อย “ไหนเจ้าบอกสิว่า ข้ามีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปได้หรือไม่ ?”
คุณหนูใหญ่บ้านสกุลไป๋กระนั้นรึ ? หมายความว่าหญิงชุดขาวผู้นี้เป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ตั้งครรภ์แล้วหนีไปกับผู้ชายคนอื่นกระนั้นสิ ?
“เจ้าคิดว่า เพียงแค่เจ้าบอกว่า เจ้าเป็นคุณหนูใหญ่บ้านสกุลไป๋ ข้าก็ต้องเชื่อเจ้ากระนั้นรึ ?” ยามกลับมารู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว มันเริ่มหัวเราะเยาะเย้ย “หากเจ้าไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ ก็จงไปจากที่นี่ซะ !”
***จบบท ข้าคือคุณหนูใหญ่ของบ้านสกุลไป๋ (2)***