บทที่ 163 : องค์หญิงผู้โชคร้าย (1)
ตี้คังกวาดสายตาเย็นชาใส่เหล่าองครักษ์”เหตุใดพวกเจ้ายังยืนอยู่ที่นี่อีก ?”
”เอ่อ..?” บรรดาองครักษ์ยืนตัวแข็งไปชั่วขณะ ที่สุดหัวหน้าองครักษ์ก็เอ่ยถามออกมาด้วยความนอบน้อม “ท่านอ๋อง ให้พวกเรากลับไปดับไฟกันก่อนใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?”
เปลวไฟโหมกระหน่ำรุนแรงกระทั่งน้ำไม่สามารถดับได้ เว้นแต่ตี้คังจะลงมือจัดการด้วยตนเอง
”ไม่ต้องไฟจะไม่ลุกลามขยายออกไปด้านนอก เมื่อใดที่ตำหนักถูกเผาจนเกลี้ยง ไฟก็จะสลายไปเอง” ตี้คังกล่าวพร้อมกับยิ้มจนตาหยี
”ให้องครักษ์ของตำหนักทั้งหมดย้ายมาอยู่ที่นี่”
เหล่าองครักษ์ยังคงยืนงงขณะที่ชายหนุ่มก้าวยาว ๆ จากไป ร่างอันสง่างามหายลับไปท่ามกลางถนนหนทางที่คึกคัก
ภายในวังหลวง
ในขณะที่องค์หญิงหกกำลังหลับพักผ่อนจู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกกระแทกอย่างแรงกระทั่งเปิดออก ทหารองครักษ์วิ่งผ่านประตูเข้ามาล้อมองค์หญิงไว้
”พวกเจ้ากล้าดียังไง!” สีหน้าขององค์หญิงเปลี่ยนไปทันที นางตบโต๊ะพร้อมกับตวาดออกมาด้วยความโกรธ “ผู้ใดใช้ให้พวกเจ้าเข้ามาในห้องนอนของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ครั้นนางกล่าวจบองครักษ์ก็แยกออกเป็นสองแถว จากนั้นชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีเหลืองสดใสก็ก้าวเข้ามาอย่างว่องไว ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำ อีกทั้งดุดันขณะจ้องมององค์หญิงหก
”เสด็จพ่อ?”
องค์หญิงหกงงงันเกิดอะไรขึ้น ? เหตุใดเสด็จพ่อจึงนำพาเหล่าทหารองครักษ์มาที่นี่ ?
”สื่อเอ๋อพ่อได้ยินมาว่า เจ้าวางเพลิงเผาตำหนักของอ๋องคัง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?” พระพักตร์ของหนานกงหยวนแลดูไม่ได้เลย พระเนตรของเขาเต็มไปด้วยผิดหวัง
พระธิดาผู้นี้เป็นความภาคภูมิใจของเขา
หากแต่ตอนนี้นางกลับกล้าวางเพลิงเผาตำหนักอ๋องคัง! แล้วตอนนี้อ๋องคังก็ส่งคนมาสอบถามเรื่องนี้ เขาจะนิ่งเฉยไม่ตอบกลับก็ไม่ได้ เพราะหากทำเช่นนั้นอาณาจักรนี้คงปั่นป่วนไปทั่ว !
นัยน์ตาขององค์หญิงหกเต็มไปด้วยความประหลาดใจ”เสด็จพ่อ ลูกไม่เคยวางเพลิงเผาตำหนักอ๋องคัง นี่ต้องเป็นแผนการให้ร้ายลูก !”
”ให้ร้ายเจ้ากระนั้นรึ? อืมม !” หนานกงหยวนนำป้ายหยกออกมาพร้อมกับโยนลงบนพื้นเบื้องหน้านาง ก่อนจะตะโกนด้วยความกริ้ว “หากมิใช่เจ้าแล้วเหตุใดป้ายหยกสัญลักษณ์ประจำตัวของเจ้าถึงไปตกอยู่ในตำหนักนั่นได้ ?”
ครั้นเห็นป้ายหยกที่ถูกโยนลงต่อหน้าต่อตาพระพักตร์องค์หญิงหกก็ขาวซีดทันที นางรีบแตะหน้าอกของตนเพื่อตรวจสอบ
เป็นไปได้อย่างไร?
เหตุใดป้ายหยกของข้าถึงไปตกอยู่ในตำหนักอ๋องคังได้
ทันใดนั้นเองใบหน้าเล็กๆ ก็ผุดขึ้นในศีรษะขององค์หญิงหก สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นดุดัน นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พร้อมกับอธิบาย “มันต้องเป็นเด็กนั่นที่ขโมยป้ายหยก เพื่อป้ายสีลูก เสด็จพ่อ ! ลูกไม่ได้ทำ ต้องเป็นบุตรชายไป๋หยานที่ …. ”
”เจ้าจะบอกว่าบุตรชายของไป๋หยานเป็นผู้วางเพลิงงั้นรึ ?” หนานกงหยวนยิ้มเยาะ “อย่าลืมสิว่า เด็กคนนั้นเป็นบุตรชายที่อ๋องคังให้การยอมรับ ! เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงต้องวางเพลิงเผาตำหนักด้วย ? ”
”ก็… ” องค์หญิงหกนิ่งงัน
หากมิใช่เด็กนั่นเช่นนั้นป้ายหยกของนางจะไปตกอยู่ในตำหนักอ๋องคังได้อย่างไร ?
“พอได้แล้วเลิกแก้ตัวเสียที ! คนของอ๋องคังบอกว่าวันนี้เจ้าไปที่ตำหนักเขา !” หนานกงหยวนหลับพระเนตรลงช้า ๆ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่จึงลืมพระเนตรขึ้นอีกครั้ง “องครักษ์จงนำตัวองค์หญิงหกไปขอความเมตตาจากอ๋องคัง ! ”
ครั้นได้ยินเช่นนั้นสีหน้าขององค์หญิงหกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ถึงจุดนี้นางรู้แล้วว่าไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรพระบิดาของนางก็ไม่มีวันเชื่อ เช่นนั้นนางจึงกัดริมฝีปากพร้อมกับคุกเข่าลง
“เสด็จพ่อต่อให้ลูกทำผิด ทว่าลูกก็ยังเป็นองค์หญิงแห่งอาณาจักรนี้ ขณะที่อ๋องคังเป็นเพียงอ๋องพระราชทาน ประชาชนจะคิดเช่นไร หากพระองค์บังคับให้ลูกไปขอความเมตตาจากเขา”
เพี้ยะ!
ทันทีที่นางกล่าวจบมือหนัก ๆ ก็ตบลงบนใบหน้าของนาง
องค์หญิงหกกุมแก้มนัยน์ตาของนางเหมือนไม่อยากจะเชื่อ นางจ้องมองพระบิดาของนางด้วยความตกใจที่พระบิดาของนางกริ้วกระทั่งตบหน้านางได้
***จบบท องค์หญิงผู้โชคร้าย (1)*-*-*