บทที่ 167 : คืนสินสอดทองหมั้น (1)
ตี้คังจ้องมองสตรีตรงหน้าที่กำลังตื่นตระหนกมุมปากของเขายกยิ้ม รอยยิ้มของเขาราวยิ้มของปีศาจ เสื้อคลุมของเขาพลิ้วไหวตามแรงลม เสริมส่งให้เขาแลดูสง่างามหาใดเปรียบ
ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังกึกก้องท้องฟ้า ตี้คังย่นคิ้ว เขาขยับเข้าใกล้ไป๋หยานอีกก้าว สายตาทรงพลังกวาดไปทั่วท้องฟ้า พลันนัยน์ตาของเขาก็หดหู่
ไป๋หยานเองก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเช่นกัน…
สิ่งที่ทั้งคู่เห็นก็คือวิหคเพลิงมันมีขนสีแดงฉาน มันกระพือปีกบินร่อนลงมา จากนั้นก็แปลงร่างเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามที่มีเรือนผมสีแดงเข้ม
การปรากฏตัวของเขาเป็นดั่งน้ำเย็นราดรดลงบนร่างของตี้คัง ทำให้ร่างกายที่ร้อนรุ่มด้วยไฟปรารถนาของตี้คังดับมอดลงทันที นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความหม่นหมองเหลือบมองบุรุษที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
”มีเรื่องใด?”
บุรุษผู้นั้นเจอสายตาที่เย็นเยือกของตี้คังเขาก็ได้แต่นิ่งงัน เขาอยากจะร้องไห้ ทว่าไร้ซึ่งน้ำตา หากนี่มิใช่เรื่องเร่งด่วน เขาจะไม่มารบกวนราชา และว่าที่ราชินีเป็นแน่…
”ฝ่าบาทเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีคนทำลายตราผนึกแดนอสูร” ชายผู้นั่นยังคงคุกเข่า ขณะกล่าวรายงานเหตุการณ์
”ผู้ใด?”
ตี้คังย่นหน้าผากเอ่ยถามอย่างเย็นชา
”คือ…” บุรุษผมสีแดงจ้องมองไป๋หยานผู้ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างระมัดระวังก่อนกล่าวต่อว่า “นางคือชิงหลวน ธิดาคนโตของชนเผ่าอสรพิษ นางรู้ว่าฝ่าบาทได้พบราชินีแล้ว นางเลยจะตามมาที่อาณาจักรนี้”
เป็นที่รู้กันทั่วทั้งแดนอสูรว่าชิงหลวนจากชนเผ่าอสรพิษนั้นหลงรักตี้คัง ทว่าน่าเสียดายที่ตี้คังไม่สนใจ อีกทั้งไม่เคยไว้หน้านางเลย หากแต่ชิงหลวนก็ฉลาดมากพอที่จะปฏิบัติตัวไม่สร้างปัญหาใด ๆ หาไม่แล้วชนเผ่าอสรพิษของนางก็คงไม่สามารถอยู่รอดมาได้กระทั่งถึงปัจจุบัน
ทว่ามิใช่ในเวลานี้เพราะข่าวที่ราชาอสูรพบราชบุตรของตนได้แพร่กระจายไปทั่วแดนอสูร นั่นทำให้ชิงหลวนอดไม่ได้ที่จะแอบหนีออกมาจากโลกอสูร
ใบหน้าของตี้คังยิ่งเย็นชา”ผู้ใดนำเรื่องที่ข้าพบเฉินเอ๋อไปป่าวประกาศ ?”
”คือ…” บุรุษผมสีแดงเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก “คือองค์หญิง… ทราบว่าฝ่าบาทพบตัวราชบุตรแล้ว องค์หญิงก็อดไม่ได้ที่จะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ เช่นนั้นแดนอสูรทุกคนจึงรู้เรื่องนี้”
หลังจากกล่าวจบเขาก็เงยหน้าขึ้นมองตี้คัง ครั้นเห็นใบหน้ามืดมนของเจ้านายแล้ว หัวใจของเขาพลันสั่นสะท้าน ทว่าเขาก็ต้องกลั้นใจกล่าวต่อ “แล้วหลังจากที่ชิงหลวนหนีออกมา องค์หญิงก็แอบออกมาด้วย …”
ลมหายใจของตี้คังยิ่งเย็นเยือกขึ้นกว่าเดิม”หากพบตัวยายเด็กดื้อนั่น รีบพานางมาพบข้าทันที !”
”แล้วสำหรับแม่นางชิงหลวน?”
ชายผมแดงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
อายเย็นเยือกส่งผ่านแววตาของตี้คังเขากล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมไร้ปรานี “ตัดมือตัดขานางซะ จากนั้นก็โยนกลับเข้าไปในแดนอสูร !”
หากชิงหลวนไม่รู้ดีรู้ชั่วเช่นนั้น … จากนี้ไปแดนอสูรก็ไม่ต้องมีชนเผ่าอสรพิษอีกต่อไป !
”พ่ะย่ะค่ะ…”
บุรุษชุดแดงลุกขึ้นร่างของเขามีประกายเพลิงโอบล้อม จากนั้นเขาก็กลายร่างกลับไปเป็นวิหคเพลิง บินถลาขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะหายลับไปในพริบตา
ไป๋หยานยังมองตามหลังชายคนนั้นอย่างงงวยพลางเอ่ยถามเบา ๆ ว่า “ชิงหลวนชนเผ่าอสรพิษมาที่นี่ เหตุเพราะข้ากับเฉินเอ๋อกระนั้นหรือ ?”
”ไว้ข้าจัดการเรื่องนี้เองข้าไม่มีวันปล่อยให้ผู้ใดทำร้ายเจ้าหรือเฉินเอ๋อเป็นแน่”
น้ำเสียงของตี้คังทุ้มต่ำฟังดูสงบนิ่ง
ไป๋หยานจ้องมองตี้คังด้วยสายตาดุดัน”หากเฉินเอ๋อได้รับอันตราย ข้าจะไม่มีวันละเว้นท่าน !”
นางไม่สนใจว่าจะเป็นใครใหญ่โต เก่งกาจเพียงใด
หากคิดจะทำร้ายบุตรชายของนางไป๋หยานจะทำทุกอย่าง เพื่อหยุดคนเหล่านั้น แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามที
”หากเฉินเอ๋อเป็นอะไรไปแม้แต่ปลายเล็บไม่ใช่เพียงเจ้า ทว่าข้าเองจะเป็นผู้ทำลายล้างแดนอสูรให้สิ้น !”