บทที่ 169 : คืนสินสอดทองหมั้น (3)
”จริงหรือ?” ไป๋หยานกวาดตามองบริเวณกลางลำตัวของตี้คังอย่างครุ่นคิด หากเขาไม่ได้มีความต้องการ ก็แล้วเหตุใดทั้งที่นางยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง เขาถึงได้มีปฏิกิริยามากมายถึงเพียงนั้นล่ะ ?
ตี้คังรับรู้ได้ถึงสายตาชั่วร้ายของไป๋หยานริมฝีปากของเขาพลันยกยิ้ม “ตอนนี้เจ้ารู้มากเกินไปแล้ว ข้าไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้อีก”
ใบหน้าของไป๋หยานเปลี่ยนเป็นดำคล้ำ“เป็นท่านที่บอกข้าเองนะ !”
”ข้าไม่สนใจอย่างไรเสีย เจ้าก็รู้ความลับของข้ามากเกินไปแล้ว เช่นนั้นเจ้าจะต้องอยู่กับข้า”
”งั้น…ข้าขอโทษก็แล้วกันที่ถามคำถามเหล่านั้นกับท่านพอหรือไม่ ?”
”สายเกินไปแล้ว… ”
ตี้คังยิ้มเขาจะปล่อยให้นางทิ้งเขาไปง่าย ๆ ได้อย่างไร ? สตรีผู้โชคร้าย
”หากท่านประสงค์แต่งงานกับข้าจริงๆ ห้ามท่านหลับนอนกับข้าจนกว่าเราทั้งสองจะแต่งงานกัน หาไม่แล้ว ข้ายินดีตายเสียดีกว่าจะยอมรับท่าน”
ตี้คังคิดใคร่ครวญเพียงครู่ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ข้าให้สัญญากับเจ้า”
เขารอที่จะแก้แค้นนางมานานถึงหกปีแล้วรออีกหน่อยจะเป็นไรไป
ทว่าเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะไม่ให้นางได้ลุกออกจากเตียงสามวันสามคืนเลยทีเดียว !
“ข้าจะให้คนไปจัดเตรียมห้องให้ท่าน”ไป๋หยานกัดฟันกล่าว “หากแต่ท่านต้องย้ายกลับทันทีที่ตำหนักของท่านซ่อมเสร็จ !”
”ได้…”
ตี้คังตอบโดยไม่ลังเล
ซ่อมตำหนักงั้นรึ? ข้าไม่คิดว่าตลอดชีวิตข้า ตำหนักนั่นจะซ่อมเสร็จ…
ไป๋หยานพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกยิ่งนางยื้อเวลาได้นานเพียงใด โอกาสที่จะหาทางหลบหนีไปกับเฉินเอ๋อบุตรชายของนางก็มีมากขึ้นเท่านั้น
”นี่ก็ดึกมาแล้วข้าจะไปพักผ่อนล่ะ ท่านก็ช่วยเหลือตัวเองไปก่อนแล้วกัน”
หลังจากกล่าวจบไป๋หยานก็หมุนตัวกลับ นางรีบหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
ตี้คังมองตามทิศทางที่นางจากไปพลันใบหน้าทรงเสน่ห์ก็คลี่ยิ้ม “ดูเหมือนว่าถึงเวลาแล้วที่ข้าจะมีราชินี”
เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในคฤหาสน์ของไป๋หยานบ้านสกุลไป๋กลับกำลังสับสนวุ่นวายอย่างที่สุด
อันดับแรกก็คือตี้คังประกาศให้ชาวบ้านรู้โดยทั่วกันว่า บ้านสกุลไป๋ต้องคืนสินสอดทองหมั้นทั้งหมดของบ้านสกุลหลาน จากนั้นก็มีคนเห็นไป๋จื่อออกต้อนรับแขกที่หอบุปผา ซึ่งสร้างความอกสั่นขวัญหายให้กับคนบ้านสกุลไป๋ กระทั่งพวกเขาต้องรีบไปพาไป๋จื่อออกจากหอบุปผาในทันที
ทว่าคนจากบ้านสกุลไป๋กลับถูกทุบตีกลับมาโดยไม่แม้แต่จะได้เห็นใบหน้าของไป๋จื่อ
ไม่มีหลักฐานอีกทั้งไม่มีทางยืนยันได้ว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริงการขอความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวก็คือการตรวจสอบที่คุมขัง
นอกจากนี้หอบุปผายังไม่ยอมรับว่ากักขังไป๋จื่อไว้ ยิ่งบ้านสกุลไป๋คิด พวกเขาก็ยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข พวกเขารีบไปหาไป๋จื่อที่กรมราชทัณฑ์
อย่างไรก็ตามผู้คุมที่กรมราชทัณฑ์ก็อ้างว่าไป๋จื่อยังอยู่ในคุก คนบ้านสกุลไป๋ทำได้เพียงสอบถามแล้วก็ต้องจากมา โดยไม่รู้เลยว่าผู้ที่เห็นไป๋จื่อในหอบุปผานั้นตาฝาดหรือไม่ ?
ท้ายที่สุดหยูหรงและไป๋เฉิงเซียง ก็ต้องไปที่ตำหนักองค์รัชทายาท เพื่อขอทรัพย์สมบัติที่มอบให้ไป๋รั่วไปกลับคืนมา ครั้นกลับถึงบ้าน ไป๋เฉิงเซียงก็ต้องใช้อำนาจกดดันผู้ใต้บังคับบัญชาของตนให้รวบรวมเงินทองมาให้เขา
ยามนั้นข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่วเกี่ยวกับความเสื่อมเสียของบ้านสกุลไป๋ รวมถึงความช่วยเหลือที่เคยได้รับจากบ้านสกุลหลานด้วย
ไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใดหากไม่ได้ใจของผู้คน ก็ย่อมถูกผู้แข็งแกร่งที่มีคนสนับสนุนมากกว่าเข้าแทนที่ ไป๋เฉิงเซียงรู้ในข้อนี้ดี ทว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น …
ใช้เวลาเกือบเดือนกว่าสินสอดทองหมั้นจะถูกรวบรวมได้ครบจำนวน
ไป๋หยานนั่งอยู่ในห้องโถงที่ใช้รับรองนางจ้องมองไป๋เฉิงเซียงด้วยสายตาเย็นชา มุมปากของนางยกยิ้มเยาะหยัน “ข้าจะตรวจดูรายการสินสอดทั้งหมด หากขาดหายไปแม้เพียงชิ้น ข้าจะทำทุกทางเพื่อให้ท่านคายมันออกมา”
”ไป๋หยานนี่เจ้าไม่ใส่ใจแม้กระทั่งความผูกพันของเราพ่อลูกเลยกระนั้นหรือ ?” แววตาของไป๋เฉิงเซียงเต็มไปด้วยความโกรธ “บอกข้ามาตามตรง ที่ตี้คังบังคับเราถึงเพียงนี้ เป็นเพราะเจ้าใช่หรือไม่ ?”
ไป๋หยานวางถ้วยชาของนางลงพลางหัวเราะเสียงต่ำ “ไม่ว่าจะเป็นเพราะข้าหรือไม่ ? ทว่าก็เป็นสิ่งที่ตระกูลไป๋ต้องคืนให้ข้า ! นอกจากนี้ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น ! อย่าลืมสิว่าที่ท่านมีวันนี้ได้ ก็เพราะมารดาของข้าลุ่มหลงท่าน กระทั่งมอบยาเม็ดจิตวิญญาณทั้งหมดให้แก่ท่าน นี่ท่านคิดว่ายาเม็ดพวกนั้นหาง่ายนักรึไง ?”
ไป๋เฉิงเซียงหัวเราะเยาะ”สิ่งที่คืนได้ข้าก็คืนให้แล้ว ส่วนยาเม็ดพวกนั้นข้าก็กินไปหมดแล้ว เจ้าจะให้ข้าคายพวกมันออกมาหรือไม่ล่ะ ?”
”ท่านไม่จำเป็นต้องคายมัน…” ไป๋หยานหยุดกล่าวชั่วขณะ นางเผยรอยยิ้มน้อย ๆ “ทว่าข้าสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของท่านย้อนกลับคืนสู่ระดับเดิม เหมือนเมื่อครั้งที่ท่านยังไม่ได้กินยาเม็ดจิตวิญญาณได้”