บทที่ 170 : ข่มขู่ (1)
ไป๋เฉิงเซียงตกใจจนกล่าวคำใดไม่ออกเขารู้สึกได้ทันทีว่าหญิงผู้นี้สามารถทำได้อย่างที่นางพูดจริง ๆ
”ไป๋หยานอย่างไรเสียข้าก็เป็นบิดาของเจ้า !” เขากำหมัดแน่น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “นี่เจ้าคิดจะฆ่าล้างตระกูลไป๋ของเราเลยกระนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานยิ้มอย่างเฉยเมย”หากท่านไม่ต้องการให้ความแข็งแกร่งของท่าน กลับไปเท่าก่อนหน้านี้ เช่นนั้นก็ส่งคืนยาเม็ดที่มารดาของข้ามอบให้ท่านมาซะ !”
นับแต่วันที่นางกลับมาถึงอาณาจักรหลิวฮั่วไป๋หยานก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเรียกคืนทุกสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของมารดากลับมาให้หมด
แววตาของไป๋เฉิงเซียงเต็มไปด้วยการเยาะหยัน”เดิมทีข้ายังเห็นแก่ความสัมพันธ์พ่อลูก ทว่าตอนนี้เป็นเจ้าที่ตัดสัมพันธ์นั้นก่อน เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิข้าว่าใจร้าย !”
ไป๋หยานเลิกคิ้ว…คนอย่างไป๋เฉิงเซียงยังมีสิ่งใดข่มขู่นางได้อีก
”ข้าเพิ่งรู้มาว่าเจ้าทำอะไร”สีหน้าของไป๋เฉิงเซียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “สาเหตุที่เจ้ายโสโอหังถึงเพียงนี้ก็เป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากหอบุปผา หาไม่แล้วเจ้าจะกล้าขัดแย้งกับสกุลไป๋กระนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานหัวเราะงอหายนางรู้สึกขบขันไป๋เฉิงเซียงอย่างหนัก จากนั้นนางก็เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่วงท่าสบาย ๆ ใบหน้างดงามของนางแพรวพราวไปด้วยรอยยิ้ม
”ทว่าก็น่าสงสารที่ใครบางคนไม่สามารถสร้างสัมพันธ์กับหอบุปผาได้”
ก่อนหน้านี้ทันทีที่ไป๋เฉิงเซียงรู้ว่าคฤหาสน์หลังนี้ถูกหอบุปผาซื้อไว้ เขาก็เพียรพยายามที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนหลายต่อหลายครั้ง ทว่าก็ไม่เคยได้รับอนุญาต ครั้งนี้หากมิใช่เป็นเพราะเขามาคืนสินสอด ก็คงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเฉกเช่นเคย
ไป๋เฉิงเซียงหน้าเสีย“ไป๋หยาน ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้ว !”
“ยอมรับอะไร?” ไป๋หยานเอ่ยถามอย่างงุนงง
”ยอมรับว่าเจ้าเป็นนางคณิกาดาวเด่นของหอบุปผา!” ไป๋เฉิงเซียงมองหน้าไป๋หยาน แววตาของเขาแลดูเศร้า สีหน้าของเขาคล้ายกับบิดาที่ผิดหวังในตัวบุตรสาว เมื่อเห็นบุตรสาวหลงเดินทางผิด
ไป๋หยานยังมิทันหุบยิ้มครั้นนางได้ยินคำกล่าวหาของไป๋เฉิงเซียง นางก็อึ้งไป
เป็นคณิกาดาวเด่นรึ? ข้ายอมรับตั้งแต่เมื่อไร ?
ไยข้าถึงไม่รู้เลยล่ะ?
ไป๋เฉิงเซียงยังคงไม่ใส่ใจสีหน้าไป๋หยานเขายังคงขมวดคิ้วพลางกล่าวต่อ “ข้ารู้ว่าหยูหรงเคยทำผิดต่อเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ใช่คนดิบคนดีนัก หาไม่แล้ว เจ้าคงไม่ยอมเป็นคณิกาในหอบุปผานานถึง 5 ปีหรอก หากอ๋องคังรู้เรื่องนี้ เขาจะยังต้องการแต่งงานกับเจ้าอยู่อีกกระนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานไม่ได้โกรธทว่ากลับหัวเราะ “ก็แล้วผู้ใดบอกท่านว่า ข้าเป็นนางคณิกาของหอบุปผาเล่า”
”เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครบอกข้าเจ้ารู้เพียงว่าตอนนี้ข้ากุมความลับสูงสุดของเจ้าไว้ก็พอ” แววตาของเขาเศร้าหมอง ในขณะที่เอ่ยกล่าวเรื่องนี้ “เดิมที ข้าอยากจะเก็บความลับนี้ไว้เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์พ่อลูก หากแต่ตอนนี้เจ้าต้องการทำลายบ้านสกุลไป๋ ข้าจึงไม่อาจปล่อยเจ้าไว้ได้อีก !”
ไป๋หยานจ้องมองนัยน์ตาสว่างไสวของไป๋เฉิงเซียงพลางเอ่ยกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านต้องการสิ่งใด ?
ต่อให้นางปฏิเสธไป๋เฉิงเซียงก็ไม่มีวันเชื่อ นางก็เลยอยากรู้ว่าชายผู้นี้มีแผนการใดในใจกันแน่
ไป๋เฉิงเซียงนัยน์ตาเป็นประกาย”ข้านำสินสอดของหลานเยี่ยคืนให้เจ้าแล้ว ทว่าข้าจะมารับคืนกลับภายหลัง ครั้นถึงเวลานั้น เจ้าก็บอกอ๋องคังว่าเจ้าได้รับเรียบร้อยแล้วก็พอ”
นับแต่ต้นเขาไม่เคยตั้งใจจะคืนสินสอดเหล่านี้ แต่เหตุที่ว่าไยเขาถึงต้องรวบรวมมันมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะคนของตี้คังเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเขาอย่างใกล้ชิด เขาถูกจับตามองว่าเขารวบรวมสินสอดเหล่านี้จริงหรือไม่ ?
หากไป๋หยานยอมรับว่าได้รับสินสอดเหล่านี้แล้ว เขาก็จะรอดพ้นจากสายตาของอ๋องคัง
แววตาของไป๋หยานเต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ย“ก็แล้วเหตุใดข้าถึงต้องทำตามความต้องการของท่านด้วยเล่า ?”
”นั่นเป็นเพราะข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคณิกาดาวเด่นของหอบุปผาไงล่ะ”ไป๋เฉิงเซียงเชิดหน้าอย่างมั่นใจ “นอกจากนี้ ข้ายังต้องการให้เจ้าบอกอ๋องคังว่าผู้ที่เขาพบเมื่อหกปีก่อน ก็คือน้องสาวของเจ้าไป๋จื่อ หาใช่เจ้าไม่”