บทที่ 173 : ขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณ ? (2)
”ข้าคิดว่าไป๋หยานคงเชื่อว่า เราจะไม่มีวันพบอ๋องคังได้ เช่นนั้นนางจึงไม่กลัวคำขู่ของเรา ! แต่นางลืมเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหากเราต้องการเปิดเผยตัวตนของนาง เราไม่จำเป็นที่จะต้องพบอ๋องคังด้วยตนเองก็ได้ “ไป๋เฉิงเซียงกล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็นเยือก “เมื่อเวลานั้นมาถึง เราก็เพียงกระจายข่าวออกไป จากนั้นก็จะมีคนนำเรื่องทั้งหมดไปแจ้งอ๋องคังเอง”
ใบหน้าของหยูหรงเต็มไปด้วยอาการตื่นตกใจทั้งที่ในใจของนางนั้นพึงพอใจเสียเหลือเกิน นางแสร้งถามว่า “นี่ไม่มากไปหรอกหรือ ?”
”มากไปอะไรกัน? นางเด็กเหม็นโฉ่นั่นต่างหากที่ทำกับเรามากเกินไป ! ข้าจะไม่หยุดแค่เปิดเผยความลับของนาง ข้าจะทำให้โลกรู้ว่านางเด็กเหม็นโฉ่นั่นบังคับให้บิดาของนางคืนสินสอดของมารดานางด้วย !”
ประกายโหดร้ายฉายผ่านม่านตาของไป๋เฉิงเซียงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเจ้าใจร้ายกับข้าก่อนก็อย่าโทษข้า ! ข้าจะไม่มีวันเลิกรา หากเจ้าไม่พบกับหายนะ !
”จริงสิ”นัยน์ตาของหยูหรงฉายประกายบางอย่าง “ท่านพี่ เพื่อแก้ไขวิกฤตตระกูลไป๋ของเรา พี่ชายคนโตของข้าพร้อมด้วยครอบครัวของเขายอมขายทรัพย์สินทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่บ้านที่อาศัย เช่นนั้นข้าจึงวางแผนให้พวกเขา เข้ามาอาศัยอยู่ร่วมบ้านสกุลไป๋กับเรา จะได้หรือไม่ ? ”
ไป๋เฉิงเซียงถอนหายใจเบาๆ “คนเราจะเห็นใจกันก็ต่อเมื่อยามยาก ! คนในครอบครัวย่อมรัก และเห็นใจกันมากกว่า ไม่เหมือนบ้านสกุลหลานกับไป๋หยานนั่น เห็นเราใกล้ตายก็ไม่ยอมช่วย นางเด็กเนรคุณ !”
ในใจของไป๋เฉิงเซียงนั้นมองว่าบ้านสกุลหยูช่วยเหลือเขายามยากลำบากถึงจะมีค่าควรแก่การรู้คุณ
หากแต่…
ดูเหมือนเขาจะลืมไปว่าที่เขามีฐานะเช่นทุกวันนี้ได้ บ้านสกุลหลานเองก็แทบจะสูญเสียเงินทั้งหมด ยาเม็ดจิตวิญญาณที่หลานเยี่ยมอบให้เขาก็ล้วนมาจากบ้านสกุลหลาน เขาไม่เพียงแต่ไม่สำนึกบุญคุณ ทั้งยังเกลียดชัง และตำหนิบ้านสกุลหลานตลอดมา
อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นลูกเขยของบ้านสกุลหลานเหตุที่บ้านสกุลหลานมองเขาราวกับหัวขโมย ก็เพราะเขาเอายาเม็ดจิตวิญญาณไปจากหลานเยี่ย กระทั่งมิเหลือแม้แต่เม็ดเดียว จะไม่ให้บ้านสกุลหลานจดจำการกระทำของเขาไปตลอดชีวิตได้อย่างไร ?
หากต้องการให้เขาเห็นว่าบ้านสกุลหลานเป็นครอบครัวเดียวกันดูทีว่าบ้านสกุลหลานควรจะต้องไม่ให้สินสอดเฉกเช่นเดียวกับบ้านสกุลหยูกระมัง ?
หยูหรงแสร้งหลบตาลอบอมยิ้ม”ท่านพี่ ยามนี้ ท่านควรทราบว่าผู้ใดกันมีความจริงใจกับบ้านสกุลไป๋ ข้ายังมีข่าวดีอีกเรื่องที่ต้องแจ้งท่าน ข้ากำลังตั้งครรภ์”
น้ำเสียงของนางราบเรียบทว่าไป๋เฉิงเซียงกลับตกตะลึง เขามองหยูหรงด้วยความดีใจ
“เจ้าพูดจริงหรือเจ้าตั้งครรภ์จริงหรือ ?”
หยูหรงพยักหน้าเอียงอาย“ท่านพี่ เราจะมีบุตรชายของเราเองแล้ว”
”ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ไป๋เฉิงเซียงหัวเราะร่าอย่างตื่นเต้นความเศร้าโศกที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ลอยหายไป เขากล่าวว่า
“ภรรยาของข้าเจ้าเป็นวีรสตรีของตระกูลเราจริง ๆ ! ไป๋เซียวมีพี่สาวอย่างไป๋หยาน ย่อมไม่ใช่เด็กดีนัก หากว่าเจ้าสามารถให้กำเนิดบุตรชายแก่ข้าได้ ในวันหน้าข้าจะมอบบ้านสกุลไป๋นี่ให้เขา ! ”
”ท่านพี่หากพี่ชายของข้ามา ให้บ่าวรับใช้จัดลานบ้านฝั่งตะวันออกหรือฝั่งตะวันตกดี ?” หยูหรงช้อนตาขึ้นมองไป๋เฉิงเซียงอย่างเว้าวอน
เนื่องจากไป๋เฉิงเซียงกำลังตื่นเต้นดีใจเขาจึงไม่ทันคิดอะไรมาก ขณะกล่าวว่า “พี่ชายของเจ้าและครอบครัวช่วยเหลือพวกเรามากนัก แน่นอนว่าเราต้องให้เขาพักที่ฝั่งตะวันออก ! ”
”เช่นนั้นไป๋เซียวล่ะ…”
”ให้เขาย้ายไปฝั่งตะวันตก!” ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ไป๋เฉิงเซียงก็ทำเสียงฮึดฮัดอย่างหนักหน่วง “เด็กไร้ค่า และอกตัญญูเช่นนั้น ไม่สมควรได้รับอะไรมากกว่าฝั่งตะวันตก หากเขามิใช่บุตรชายคนเดียวของข้า ข้าคงไม่ปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเองมาได้จนถึงบัดนี้ ! ”
ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เขาได้ขอร้องให้ไป๋เซียวมอบเงินมาให้เขาบ้าง หากไป๋เซียวไม่มีก็ให้ช่วยไปขอบ้านสกุลหลานให้เขาหน่อย
หากแต่เด็กนั่นตอบเขากลับว่าอย่างไร?
คาดไม่ถึงไป๋เซียวบอกว่า เขาควรคืนสินสอดทองหมั้นให้ไป๋หยาน และตัวของไป๋เซียวก็ไม่มีหน้าที่หาทรัพย์สินเหล่านั้นมาให้เขาด้วย