บทที่ 174 : ขโมยยาเม็ดจิตวิญญาณ ? (3)
ผู้ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับตระกูลไป๋เป็นอันดับแรกก็ไม่สมควรที่จะเป็นบุตรชายของข้า
”คนตระกูลหลานก็มิใช่คนดีเช่นกันตอนที่ตี้คังบังคับให้เราคืนสินสอดทองหมั้นก็ไม่มีผู้ใดพูดอะไรสักคำเดียว ! หากมีใครสักคนช่วยออกหน้าแทนข้าบ้าง ตี้คังยังจะยืนยันให้ข้าคืนสินสอดพวกนั้นอยู่อีกกระนั้นหรือ ?” ไป๋เฉิงเซียงกัดฟัน แววตาของเขาดุดัน
หยูหรงอมยิ้มนางต้องการให้เรื่องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว หากใจของสามียังคงอยู่ข้างเดียวกับนาง นางก็ไม่มีสิ่งใดต้องกลัวไป๋หยาน แม้ว่านางจะเป็นอริกับไป๋หยาน และต่อให้โลกทั้งโลกเข้าข้างไป๋หยานก็ตามที
”หรงเอ๋อเจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปรับตัวบุตรสาวของเราก่อน พวกเจ้าสองแม่ลูกจะได้กลับมาอยู่ร่วมกันเฉกเช่นเดิม”
ครั้นไป๋เฉิงเซียงเอ่ยความหัวใจของเขาพลันเจ็บปวด ไป๋จื่อต้องทนทุกข์ทรมานมากมายในคุก เขาได้แต่หวังว่า ที่นั่นคงไม่โหดร้ายถึงขั้นทำให้นางต้องเสียโฉม !
หาไม่แล้วจะนับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
หลังจากสั่งสาวใช้ให้คอยดูแลภรรยาเรียบร้อยแล้วไป๋เฉิงเซียงก็รีบรุดไปที่เรือนจำ ทว่าไม่มีผู้ใดออกมาเปิดประตูรับเขา เขาจึงทำได้เพียงยืนรออยู่นอกประตูเท่านั้น
กระทั่งรุ่งสางวันถัดมาจึงมีทหารยามเดินออกมาเปิดประตู ทหารยามมองมาทางไป๋เฉิงเซียงซึ่งยืนตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าอย่างประหลาดใจ “ท่านไป๋ เหตุใดท่านจึงมายืนอยู่ตรงนี้ !”
มุมปากของไป๋เฉิงเซียงกระตุกเขาพยายามอย่างมากที่จะระงับความโกรธ ขณะเอ่ยปากถาม “อ๋องคังรับปากว่า ทันทีที่ข้าคืนสินสอด เขาจะปล่อยตัวบุตรสาวของข้าไป๋จื่อ สินสอดข้าก็คืนหมดแล้ว ก็ไหนล่ะบุตรสาวของข้า ?”
แววตาของทหารยามราวกับประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม”แต่ท่านเจ้าบ้านไป๋ แม่นางไป๋จื่อได้รับการปล่อยตัวออกไปแล้วนี้ ท่านไม่รู้หรือไร ?”
”ว่ากระไรนะ?”
ไป๋จื่อถูกปล่อยตัวแล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้ ? และไยคนที่บ้านสกุลไป๋ถึงไม่บอกข้า ? ”
นี่…ข้าเสียเวลารอเปล่าๆ ทั้งคืนเลยใช่หรือไม่ ?
สีหน้าของไป๋เฉิงเซียงแลดูไม่ได้เลยเขาไม่กล่าวคำใดอีก เขาหันหลัง และเดินกลับไปตามทางที่เขาจากมาทันที
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางรู้เลยว่าแท้จริงแล้ว ไป๋จื่อเพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากหอบุปผา ภายหลังจากถูกบังคับให้รับลูกค้ารายสุดท้ายเสร็จสิ้น
ทันทีที่เขากลับถึงบ้านเขาก็ชนเข้ากับไป๋จื่อที่กำลังเดินโซซัดโซเซหมดเรี่ยวแรงกลับมา
”ท่านพ่อ!”
ครั้นเห็นไป๋เฉิงเซียงน้ำตาแห่งความโศกเศร้าของไป๋จื่อก็ไหลรินร่วงหล่น แข้งขาของนางสั่นเทา นางก้าวเดินไปได้อีกสองสามก้าวก็ทรุดร่างลงกับพื้น
”จื่อเอ๋อ!” ไป๋เฉิงเซียงตกใจจนหน้าเสีย เขาร้องเรียกบุตรสาวอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปพยุงนาง “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ? เจ้าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
ไป๋จื่อยามนี้อยู่ในชุดเสื้อผ้าขาดวิ่นร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล ใบหน้าของนางซีดจาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ นางอ่อนแอเกินกว่าจะเอ่ยแม้คำ
”จื่อเอ๋อพ่อได้ยินผู้คนพูดกันว่า เจ้าถูกลักพาไปไว้ในหอบุปผา เรื่องนี้เป็นฝีมือของไป๋หยานใช่หรือไม่ ?”
ไป๋จื่อตัวสั่นนางกัดริมฝีปากแน่น พลางตอบว่า “ท่านพ่อ ตลอดเวลาข้าอยู่เพียงในคุก ไม่เคยไปที่หอบุปผาเลย”
นางจะให้คนอื่นรู้ประสบการณ์อันน่ากลัวของนางได้อย่างไร? แม้แต่บิดาของนางเอง นางก็ไม่อาจให้เขาล่วงรู้ !
หาไม่แล้วนางก็จะกลายเป็นหญิงไร้ค่าและชายผู้นี้ก็จะทิ้งนาง !
เพียงแค่นึกถึงประสบการณ์ที่ไม่ต่างจากฝันร้ายนั้นอีกครั้งไป๋จื่อก็ค่อย ๆ หลับตาลง
เปรียบเทียบกับหอบุปผาแล้วนางยินดีถูกลงโทษในคุกมากกว่า เพราะถึงแม้ว่าจะทรมานและเจ็บปวด ทว่าอย่างน้อยนางก็ไม่ต้องให้บริการบรรดาผู้ชายที่ไม่ปกติพวกนั้น
”ก็ยังดีที่เจ้าไม่ได้อยู่ที่หอบุปผา”ไป๋เฉิงเซียงถอนหายใจอย่างโล่งอก “มีแต่ผู้หญิงอย่างไป๋หยานเท่านั้นที่จะยอมขายเรือนร่างให้กับหอบุปผา หากเป็นผู้หญิงจากตระกูลดี ๆ คนอื่นถูกขายไปที่นั่น พวกนางคงยอมตายเสียดีกว่าอยู่”