บทที่ 180 : ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมชนะ (3)
หยูหรงผู้ซึ่งนอนกึ่งเป็นกึ่งตายอยู่บนพื้นถึงกับขวัญผวาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว นัยน์ตาของนางเบิกโพลง
ไม่เป็นไปไม่ได้เรื่องของนางจะมีคนรู้เห็นได้อย่างไร ในเมื่อเป็นความลับสุดยอดถึงเพียงนั้น ?
“คุณชายไป๋”ผู้คุ้มกฏซ้ายหันมามองไป๋เซียว พลางกล่าวว่า “ผู้คุ้มกฏขวากลับไปรายงานพี่สาวของท่านแล้ว มิช้านางคงจะมาถึงที่นี่ท่านตรองดูเถิดว่าจะจัดการกับคนพวกนี้เช่นไร ส่วนข้าจะรับมือกับชายคนนี้ก่อน…”
ผู้คุ้มกฏซ้ายมิได้ลดน้ำเสียงลงเลยเขาปล่อยให้เสียงนั้นลอยเข้าหูของไป๋เฉิงเซียง นั่นยิ่งทำให้ไป๋เฉิงเซียงโกรธแค้นอย่างที่สุด
”เรื่องในบ้านสกุลไป๋ไม่เกี่ยวข้องกับแขกของสำนักนางโลม ! ทั้งไป๋เซียว ทั้งไป๋หยานต่างก็อกตัญญูต่อบิดามารดา พวกเขาสมควรถูกฟ้าดินลงทัณฑ์”
ถ้อยคำนี้ยืนยันคำกล่าวหาของหยูหรงเมื่อครู่ได้เป็นอย่างดี
นัยน์ตาของไป๋เซียวหม่นหมองลงชั่วขณะภายในอกของเขาปั่นป่วน เขากำหมัดแน่น
หากเป็นเพียงคำพูดของหยูหรงคนอื่น ๆ อาจจะไม่เชื่อ ทว่านี่เป็นคำพูดของไป๋เฉิงเซียงผู้ซึ่งเป็นบิดาแท้ ๆ ของเขา
ไป๋เซียวอยากถามเหลือเกินว่าเขาและพี่สาวเป็นบุตรของชายผู้นี้จริงกระนั้นหรือหรือเป็นได้ว่าพวกเขาถูกเก็บมาจากข้างถนน ?
”ไป๋เซียวที่เจ้าไม่พูดไม่จานี่หมายความว่าไง ? ข้าบอกให้เจ้าส่งยาทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้ !”
เมื่อเห็นไป๋เซียวเงียบไป๋เฉิงเซียงก็เข้าใจว่าเด็กหนุ่มสำนึกผิด เขาจึงพุ่งตัวเข้าหาหมายจะฉกฉวยเม็ดยามีค่าในมือของไป๋เซียวอีกครั้ง
ครั้นเห็นเช่นนั้นไป๋เซียวก็รีบก้าวถอยหลังสองสามก้าว “ท่านมิใช่บิดาของข้าแล้ว แต่นี้ไปข้ามิใช่คนของตระกูลไป๋ ท่านจะทำตามแต่ใจเช่นเคยมิได้”
ประโยคนี้ยืนยันการตัดสินใจของไป๋เซียวแล้ว
ไม่ว่าไป๋เฉิงเซียงจะเป็นหรือตายก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป
*****
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองบนท้องถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ร่างร้อนแรงกำลังพุ่งทะยานผ่านฝูงชนด้วยความเร็วสูงพร้อมสายลมกรรโชกราวพายุ สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมาโดยรอบ
ด้วยเหตุที่ไป๋หยานกำลังเร่งรีบมากนางจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนขวางอยู่เบื้องหน้า ส่วนคนผู้นั้นก็กำลังเดินงุ่มง่าม เลยไม่ทันเห็นไป๋หยานเช่นกัน ทั้งสองจึงชนกัน
จังหวะนั้นไป๋หยานหยุดชะงัก นางเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะพยายามทรงตัวให้มั่นคง ครั้นทรงตัวได้มั่นคงแล้วนางก็มองสำรวจชายตรงหน้าที่นางชน
ชายคนนี้มีอายุประมาณสี่สิบปีสวมอาภรณ์หรูหรา บุคลิกภาพของเขาแลดูไม่ธรรมดาเลย ใบหน้าหล่อเหลาทว่าดูซีด ๆ กระทั่งริมฝีปากก็ยังซีดขาว ทั้งยังสั่นระริก
”ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” ไป๋หยานคิดว่านี่เป็นความผิดของนางที่รีบเร่งจนเกินไป กระทั่งทำให้ชนเข้ากับชายตรงหน้า นางจึงมีท่าทางสำนึกผิด พร้อมกับรีบกล่าวคำขอโทษ “ข้ามีเรื่องเร่งด่วนต้องรีบจัดการ หากพบกันคราหน้า ข้าจะขอขมาท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง”
”ข้าไม่เป็นไร”
ชายผู้นั้นยิ้มเล็กน้อยรอยยิ้มของเขาแลดูอ่อนแรง เขาไม่มีทีท่าว่าจะโกรธไป๋หยานที่ชนเขาแม้แต่น้อย
ครั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองนางสีหน้าของเขาพลันแข็งค้าง นัยน์ตาของเขาจับจ้องมองไป๋หยานนิ่ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจทั้งยังตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนมาก! เหมือนจริง ๆ !
ในโลกนี้จะมีคนที่คล้ายกันถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
ทว่าก่อนที่ชายผู้นั้นจะหลุดจากภวังค์หญิงสาวก็หายตัวไปเสียแล้ว ทั้งยังไม่หันกลับมามองเขาอีกเลยแม้แต่น้อย
”นายน้อย”
ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาช่วยพยุงร่างชายวัยกลางคนผู้อ่อนแอซึ่งยามนี้กำลังขมวดคิ้วอยู่
ชายวัยกลางคนคว้าแขนของชายชราแน่นน้ำเสียงของเขาสั่น ๆ “หญิงสาวผู้นั้นเหมือนนางมากเหลือเกิน ! เจ้าคิดว่านางจะกลับมาหรือไม่ ? หากเป็นนาง ? เหตุใดนางถึงจำข้าไม่ได้ ?”
***จบบทผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมชนะ (3)***