บทที่ 185 : นางเป็นเจ้าหอบุปผา (2)
”ฮุฮุ”
ฮัวหลัวหัวเราะอย่างเย็นชาน้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยอาการเยาะเย้ยและเสียดสี “ไป๋เฉิงเซียง เจ้าโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ? หากนายหญิงของข้าไม่สั่งข้า ต้องเป็นเจ้าหรือที่สั่งข้า ?”
”แม่นางฮัวหลัวข้าเพียง … ”
ไป๋เฉิงเซียงพยายามอธิบายทว่าจู่ ๆ เขาก็เบิกตากว้าง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและตระหนกตกใจ
”แม่นางฮัวหลัว…ท่านเรียกนางว่ากระไรนะ ?”
ความเป็นจริงไป๋เฉิงเซียงควรจะเดาตัวตนของไป๋หยานได้ในทันทีที่ผู้คุ้มกฏซ้ายเรียกฮัวหลัวว่า “ท่านหัวหน้า” แล้วเรียกไป๋หยานว่า “นายหญิง”
หากแต่ในเวลานั้นเขาคิดเพียงจะเอาอกเอาใจฮัวหลัว จึงลืมคำเรียกขานของผู้คุ้มกฏซ้าย นี่นับเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย
”ไป๋เฉิงเซียงเจ้าควรจะต้องขอบคุณความมีโชคของเจ้า หาไม่เจ้าคงจะตายไปแล้ว”
เหตุเพราะนายหญิงของนางต้องการสืบหาความจริงเรื่องการตายของหลานเยี่ยส่วนหมอตำแยก็ตายไปแล้ว เบาะแสเดียวที่เหลือก็คือบ้านสกุลไป๋ หากมิใช่ด้วยเหตุผลนี้ บ้านสกุลไป๋คงถูกทำลายไปแล้ว !
แน่นอนว่าการที่ไป๋เฉิงเซียงยังรอดชีวิตมาได้นับเป็นโชคของเขา ทว่าแม้วันนี้เขาจะรอด เขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือไม่ก็อาจพิการจากฝีมือของนายหญิงเป็นแน่ !
จากนั้นฮัวหลัวซึ่งเพิกเฉยต่อสายตาตื่นตะลึงของผู้คนก็เดินก้าวออกมาข้างหน้าอย่างแช่มช้า นางคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หยาน เอ่ยกล่าวด้วยความเคารพว่า “นายหญิง ข้ามาช้าไป โปรดลงโทษข้าด้วย”
ไป๋หยานแต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงแพรวพราวแลดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คนสายลมไล้อาภรณ์ของนางปลิวไสวงดงามราวภาพวาด
นัยน์ตาของนางจ้องมองใบหน้าซีดขาวของไป๋เฉิงเซียงริมฝีปากของนางขยับยกยิ้ม
ไป๋เฉิงเซียงซวนเซถอยหลังไปหลายก้าวกระทั่งต้องยึดต้นไม้ด้านหลังเป็นหลัก เพื่อไม่ให้ร่างทรุดลงกับพื้น
หัวใจของเขาเจ็บปวดราวโดนเข็มทิ่มแทงตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่ออะไร ? มิใช่เพราะต้องการเอาอกเอาใจฮัวหลัวหรอกหรือ ?
ทว่าตอนนี้นางกลับบอกว่าเจ้าหอบุปผาก็คือบุตรสาวของเขา บุตรสาวที่เขาทอดทิ้ง
บุตรสาวของเขาคือนายหญิงของหอบุปผานางเป็นเจ้าของหอบุปผาที่แท้จริง !
ช่างน่าขันใช่หรือไม่?
ไป๋เฉิงเซียงรู้สึกเจ็บปวดหากเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของไป๋หยาน เขาจะปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดีนับแต่วันที่นางกลับมาบ้านวันแรกเลยทีเดียว !
”จะเป็นไปได้อย่างไร…?” ใบหน้าของหนานกงอี้ซีด ทั้งเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขากำหมัดแน่น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความปวดร้าว
เมื่อครู่เขาได้ยินว่าไป๋หยานเป็นนางคณิกาที่หอบุปผา เขารู้สึกดีใจจริง ๆ ! เขายินดีเหลือเกินที่วันนั้นเขาเลือกไม่ผิด เขาอยากจะหัวเราะใส่หน้าตี้คังที่อยากจะอภิเษกกับสตรีที่ให้ความสุขผู้ชายมานับไม่ถ้วน !
ทว่าตอนนี้…หัวหน้าหอบุปผากลับบอกว่าไป๋หยานมิใช่นางคณิกาดาวเด่นหากแต่เป็นเจ้าหอบุปผา !
หอบุปผานั่นมีอำนาจเทียบเท่าราชสำนัก ! เหตุใดไป๋หยานถึงเป็นเจ้าของที่นั่นได้ !
เหตุใดถึงเป็นนาง!
หากเปรียบเทียบกันแล้วสำหรับไป๋เฉิงเซียงนั้นคือความเสียใจ ขณะที่หนานกงอี้คือความปวดร้าวใจ ผู้คนที่เหลือรอบ ๆ กายพวกเขาต่างก็ตกตะลึง ขณะที่บางคนก็สมน้ำหน้า
“คนตระกูลไป๋ยังไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของไป๋หยานกลับกล่าวหาว่านางเป็นนางคณิกาดาวเด่นของหอบุปผา ชิ ! ญาติสนิท พวกเขาใส่ร้ายนางโดยที่ไม่ตรวจสอบก่อนเลย ! ”
”ไม่น่าแปลกใจที่ไป๋หยานและน้องชายของนางจะไม่ให้อภัยพวกเขาหากเป็นข้าก็คงไม่อยากมีญาติแบบนี้เช่นกัน”
ก่อนหน้านี้ผู้คนเหล่านี้เคยกล่าวตำหนิไป๋เซียวมาก่อน หากแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ไป๋เฉิงเซียงกระทำ ความดื้อด้านของไป๋เซียวก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งเลวร้ายนัก
กับญาติแบบนี้ผู้ใดบ้างล่ะจะไม่ดื้อรั้นด้วย ? ว่าแต่พวกเขาเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ ใช่มั้ยนี่ ?”
คนทั่วไปใครบ้างล่ะจะทำเรื่องเช่นนี้ได้?
ครั้นได้ยินผู้คนโดยรอบกล่าวคำตำหนิใบหน้าของไป๋เฉิงเซียงพลันกระตุก เขาต้องการแก้ต่างให้กับตนเอง ทว่าหลังจากเห็นสีหน้าเย็นชาของไป๋หยาน เขาก็กล่าวคำใดไม่ออก…
***จบบท นางเป็นเจ้าหอบุปผา (2)***