หรือเหตุที่ไป๋หยานพยายามใกล้ชิดเซียวเอ๋อ เป็นเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเซียวเอ๋อ เพื่อให้บ้านสกุลไป๋ยอมรับนาง ?
สตรีตั้งครรภ์ทั้งที่ยังมิได้แต่งงานสร้างความด่างพร้อยให้กับบ้านสกุลไป๋ เขาเพียงต้องการลงโทษนาง ทว่านางกลับไม่ยอมสำนึกผิดแม้แต่น้อย ทั้งยังกล้าใส่ร้ายหยูหรง และบุตรสาวของหยูหรงอีกด้วย เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเขาก็ไม่อาจอนุญาตให้นางเป็นส่วนหนึ่งของบ้านสกุลไป๋ได้แล้ว
*****
หลังจากไป๋หยานออกจากห้องโถงใหญ่ นางก็หยุดเดิน นางปล่อยให้สายลมเย็นพัดชายผ้าของอาภรณ์ที่นางสวมใส่จนปลิวไสว
“เซียวเอ๋อ เจ้าจะอยู่ที่บ้านสกุลไป๋หรือไปกับข้า ?”
ไป๋เซียวเงียบชั่วครู่หนึ่ง และแล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไป๋หยานด้วยสายตาที่มั่นคงและแน่วแน่
“พี่ใหญ่ แต่แรก เป็นเพราะข้าไม่แข็งแกร่งพอ ทำให้พี่ต้องถูกข่มเหงรังแก ต้องพบเจอกับเรื่องอัปยศเช่นนั้น ทว่าที่สุดแล้ว หลังจากผ่านมาหกปี ข้าก็สามารถยืนหยัดอยู่ในบ้านสกุลไป๋ด้วยตนเองได้” ใบหน้าที่หล่อเหลาของไป๋เซียวแลดูสว่างไสว เขากล่าวต่อว่า “ข้าต้องการทวงคืนทุกสิ่งที่เป็นของเรา ! ข้าไม่มีวันปล่อยให้บ้านสกุลไป๋ที่รุ่งเรืองจากความเสียสละของท่านแม่ ต้องมาพินาศย่อยยับด้วยน้ำมือของหยูหรง และลูก ๆ ของนาง“
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าต้องการปกป้องพี่ ข้าจะไม่ให้ผู้ใดรังแกพี่ได้อีก !“
แววตาของเด็กหนุ่มทำให้ไป๋หยานหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจของนางรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความขมขื่น
ไป๋เซียวมิได้เอ่ยถามถึงเด็กน้อยในครรภ์ของไป๋หยาน เพราะเมื่อเขาเห็นว่านางกลับมาเพียงลำพัง มิได้พาเด็กคนใดมาด้วย เขาก็คิดไปเองว่านางอาจจะประสบอุบัติเหตุกระทั่งแท้งลูก
ในครานั้น ไป๋หยานอ่อนแอมาก เป็นเรื่องยากที่จะเอาตัวรอดในโลกเพียงลำพัง เช่นนั้นนางจะปกป้องลูกของตนเองได้อย่างไร ?
“เซียวเอ๋อ…” ไป๋หยานหันกลับมา พร้อมกับดึงเด็กหนุ่มเข้าสู่อ้อมกอด “เจ้าไม่จำเป็นต้องพยายามมากมายถึงเพียงนั้นหรอก หากเป็นความต้องการของเจ้าแล้วล่ะก็ ข้าสามารถทำบดขยี้อาณาจักรแห่งนี้เพื่อเจ้าได้”
ไป๋เซียวยิ้ม เขาไม่นำคำพูดของพี่สาวมาเป็นสาระ เขาคิดเพียงว่าไป๋หยานพยายามทำให้เขามีความสุขก็เท่านั้น
หกปีที่ผ่านมา แม้ว่านางจะแข็งแกร่งขึ้นมาก ทว่าย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะบดขยี้อาณาจักรนี้ทั้งอาณาจักร
“พี่ใหญ่ ข้าตัดสินใจแล้วว่า ข้าจะปกป้องพี่ด้วยความแข็งแกร่งของข้าเอง ในเมื่อท่านยายส่งคนมารับพี่ถึงที่นี่ เช่นนั้นในวันนี้ข้าก็จะยังไม่ไปบ้านท่านตาท่ายยายพร้อมกับพี่“
“อืม…” ไป๋หยานเลิกคิ้ว พร้อมกับเอียงตัวไปข้าง ๆ เด็กหนุ่ม นางกระซิบข้างหูเขาให้ได้ยินเพียงสองคนว่า “หากเจ้าตัดสินใจแล้ว พี่ก็จะไม่ขวางเจ้า ทว่าก่อนอื่นเจ้าต้องหาโอกาสสลัดตนเองให้พ้นหูพ้นตาคนบ้านสกุลไป๋เสียก่อน ข้าจะเผยตัวคนพวกนั้นให้เจ้ารู้เอง”
หูตาคนสกุลไป๋รึ ?
นี่ ! ไป๋เฉิงเซียงส่งคนลอบติดตามเขากระนั้นหรือ ?
ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังงงว่า เหตุใดพี่สาวถึงรู้เรื่องนี้ ทั้งที่เขาเองยังไม่เคยสังเกตเห็น ไป๋หยานก็จากไปพร้อมกับหญิงชราแล้ว
หากแต่ก่อนที่นางจะก้าวออกพ้นประตู นางแน่ใจว่าเห็นต้นไม้ไหวอยู่ใกล้ ๆ ขณะเดียวกันก็มีดวงตาที่แสนเย็นชาซ่อนอยู่ ณ ที่นั้น
ดูเหมือนว่าข้าจะต้องช่วยน้องชายกำจัดผู้ติดตามเหล่านี้เสียก่อน …
ชายผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ กำลังจดจ้องมาที่ไป๋เซียวอย่างหวาดหวั่น เหตุใดนางขยะคนนั้นถึงสังเกตเห็นเขาได้ ทั้งที่เขาก็ซ่อนตัวเป็นอย่างดี ?
คงเป็นเรื่องบังเอิญเสียมากกว่า !
ชายหนุ่มคิดปลอบใจตนเอง เขาคิดว่าการที่ไป๋หยานหันมามองจุดที่เขาซ่อนตัวอยู่นั้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ทั้งที่แท้จริงแล้ว ความตายกำลังรออยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว
*****
เมื่อหกปีที่แล้ว ครั้งที่ไป๋รั่วยังมิได้อภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน ช่วงเวลานั้นแม้ผู้นำตระกูลหลานจะมีสุขภาพย่ำแย่ ทว่าบ้านสกุลหลานก็ยังคราคร่ำไปด้วยผู้คน อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้กลับถูกหมางเมินจากคนภายนอก แม้จะมีหลายคนต้องเดินผ่านบ้านสกุลหลาน ทว่าคนเหล่านั้นส่วนใหญ่จะยอมเดินอ้อม เพราะเกรงว่าจะผิดใจกับบ้านสกุลไป๋
ยามนี้ ไป๋หยานยืนอยู่หน้าประตูบ้านสกุลหลาน มองดูสภาพที่น่าหดหู่ของตระกูลมารดาของตน นางพยายามซ่อนความรู้สึกที่ถาโถมมาไม่ขาดสาย ภายใต้ใบหน้าที่ยังคงสงบเรียบเฉย
“คุณหนูไป๋ เชิญ… นายหญิงรอท่านมานานแล้ว” หญิงชราเชื้อเชิญอย่างให้เกียรติ การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น
***จบบท ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งบ้านสกุลหลาน (2)***