เมื่อไป๋หยานเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ก็มีคนรออยู่แล้ว นั่นก็คือ แม่เลี้ยงของนางหยูหรง และหญิงชราผมสีดอกเลา
หญิงชรานางนี้ไม่ได้อยู่ในสกุลไป๋ ทว่านางเป็นมารดาแท้ ๆ ของหยูหรง ทั้งยังเป็นป้าของไป๋เฉิงเซียง
สิบกว่าปีที่แล้ว หยูฮูหยินตั้งใจให้หลานชายของนาง (ไป๋เฉิงเซียง) แต่งงานกับหยูหรง เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลให้แน่นแฟ้น หากแต่ไป๋เฉิงเซียงรู้ดีว่าด้วยฐานะลูกพี่ลูกน้อง เขาไม่อาจยกย่องนางออกหน้าออกตาได้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ เขาจึงรับหยูหรงเข้าสกุลไป๋ในฐานะอนุภรรยา ขณะที่ไป๋เฉิงเซียงก็แต่งหลานเยี่ยเข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่ของเขา
ครั้นหลานเยี่ยล่วงลับ ชายสวะที่ไร้หัวใจผู้นี้จึงยกสถานะของหยูหรงให้ขึ้นเป็นฮูหยินใหญ่ทันที และสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาเชิญหยูฮูหยินผู้เฒ่าเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับตน ภายหลังจากที่หยูหรงพิรี้พิไรอ้อนวอนขอร้องเขาด้วยน้ำตา ทุกวันนี้ไป๋เฉิงเซียงปฏิบัติต่อหญิงชราราวกับมารดาแท้ ๆ ของตน เขาปฏิบัติอย่างเคารพ และกตัญญู
เขาว่า ‘ดูนางให้ดูที่แม่’ ฉันใด หากหยูหรงคือยอดนักใช้จ่าย หยูฮูหยินผู้เฒ่าก็ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่ต่างกัน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสินสอดทองหมั้นส่วนใหญ่ของสกุลหลานก็ถูกพวกนางช่วยใช้จ่ายจนเกือบหมด
“ไป๋หยาน บอกมาตามตรงสิว่า ผู้ใดกันที่ล่วงเกินเจ้า รีบสารภาพมาไว ๆ !” หยูฮูหยินผู้เฒ่าเชิดหน้าขึ้นสูง ท่าทางการแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสโอหังไม่ต่างจากกำลังเค้นคำสารภาพจากปากนักโทษ
“แล้วมันกงการอะไรของท่าน” ริมฝีปากของไป๋หยานเชิดเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ นัยน์ตาของนางเย็นชา ขณะจ้องมองหญิงชราผู้นั่งอยู่ตรงหน้านาง
“อวดดี !” หญิงชราตบโต๊ะอย่างโกรธเคือง “ข้าเป็นยายของเจ้า แน่นอนว่าข้าย่อมมีสิทธิ์จะรู้ว่าผู้ใดล่วงเกินเจ้า”
“ยายของข้ากระนั้นรึ ? ยายของข้าอยู่ที่สกุลหลาน ส่วนท่าน ท่านเป็นแค่ยายของไป๋รั่ว และไป๋จื่อ อย่าสำคัญตนผิดไป”
“เจ้า …”ใบหน้าของหญิงชราเริ่มบิดเบี้ยว เนื่องจากความโกรธ ก็แค่เด็กก้าวร้าวไม่มีแม่ นางมีคุณสมบัติใดกล้ามาจองหองต่อหน้าข้า
“ท่านแม่ โปรดระงับโทสะก่อน” หยูหรงรีบเข้าไปหามารดาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองกลับไปที่เด็กสาว “ไป๋หยาน ที่ข้าเรียกเจ้ามาในวันนี้ ก็เพื่อบอกข่าวดี มีคนพร้อมจะรับเจ้าเป็นอนุภรรยา หากเจ้ายอมเอาเด็กนั่นออก”
“ตามความคิดเห็นของท่าน ท่านคิดว่า บุตรสาวคนโตของสกุลไป๋เหมาะที่จะไปเป็นอนุภรรยาของผู้ใดกระนั้นรึ ?” ไป๋หยานเดินเข้าไปใกล้หญิงทั้งสอง เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา น้ำเสียงนั้นเย็นยะเยือกราวกับน้ำค้างแข็ง
หญิงชรารีบตอบโต้กลับด้วยความโมโห “เจ้ามันก็แค่หญิงต่ำต้อยที่สูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว เวลานี้เจ้าจะมาคิดเล็กคิดน้อยอะไรอยู่อีกเล่า ? ท่านเจ้าบ้านสกุลเฉียนยินดีที่จะมอบยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามของแท้ เพื่อเป็นของหมั้นสำหรับเจ้า ! เวลานี้มีชายคนหนึ่งยินยอมรับเจ้าไปเป็นภรรยา เจ้าควรจะดีใจมากกว่า ยังจะตั้งแง่อะไรนักหนา ?
ไป๋หยานหรี่ตา “ข้าได้ยินมาว่า ท่านเจ้าบ้านสกุลเฉียนนั้นมีอายุมากกว่าห้าสิบปีแล้ว ทั้งอารมณ์ของเขาก็โหดร้าย และไร้ความปรานี ตามที่ข้ารู้มา บรรดาอนุภรรยาของเขาล้วนตายคาเตียง ขณะสนองความต้องการของเขา ! ก็แล้วเรื่องอะไรข้าจะต้องยอมเอาชีวิตของข้าเข้าไปเสี่ยงด้วยเล่า ?”
สกุลเฉียนเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลขุนนางใหญ่ในเมืองนี้ ทว่าชื่อเสียงส่วนใหญ่ของพวกเขาจะเลื่องลือในเรื่องความโหดร้าย
กล่าวกันว่า…หากหญิงใดได้เข้าไปอยู่ร่วมเรือนบ้านสกุลเฉียน ทางเดียวที่จะออกมาได้ก็คือกลายเป็นศพ
“นังเด็กโสโครก สกุลไป๋ของเราเลี้ยงดูเจ้ามานานหลายปี เจ้าไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณบ้างเลย ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า ตอนนี้บุตรชายของข้าฝึกได้ถึงระดับหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาต้องการยาเม็ดจิตวิญญาณขั้น 3 ของแท้ เพื่อจะบรรลุสู่ขั้นต่อไป เช่นนั้นเวลานี้ เจ้าจึงต้องแต่งไปเป็นอนุภรรยาของสกุลเฉียน !”
ไป๋หยานรู้มานานแล้วว่าคนพวกนี้ไร้ยางอาย หากแต่นางไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะหน้าด้านหน้าทนถึงเพียงนี้ นางจึงกล่าวเย้ยหยัน “ประการแรก แซ่ของท่านคือหยูมิใช่ไป๋ เดี๋ยวคนอื่นที่ได้ยินคำกล่าวของท่านเมื่อครู่จะคิดว่าท่านเป็นผู้อาวุโสหญิงคนหนึ่งของสกุลไป๋”
“ประการที่สอง หากบุตรชายของท่านต้องการยาเม็ดจิตวิญญาณแล้วมันเกี่ยวข้องอันใดกับข้าเล่า ? เหตุใดข้าต้องเสียสละตนเอง เพื่อคนตระกูลหยูของท่าน”
“ประการที่สามท่านบอกว่า สกุลไป๋ต้องเลี้ยงดูข้านับแต่ข้ายังเยาว์วัย แต่ที่สกุลไป๋มีฐานะเช่นทุกวันนี้ มิใช่เพราะมารดาของข้าหรือ เฮอะ ! แม้กระทั่งชุดที่พวกท่านสวมใส่กันตอนนี้ก็ล้วนมาจากสินสอดของมารดาข้า”
หยูฮูหยินผู้เฒ่าตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ ใบหน้าของนางแลดูดุดันขึ้น หลังจากถูกกล่าวตำหนิซึ่งหน้า
***จบบท กำเนิดจิ้งจอกน้อยจอมซ่าส์ (3)***