“เช่นนั้น” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหันไปหาหลานหยูบุตรชายด้วยสีหน้าจริงจัง
“เจ้ารีบไปสั่งการเถิดว่า หลานสาวบ้านสกุลหลานกลับมาแล้ว เราจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับนางในค่ำคืนนี้ ข้าต้องการให้หลานสาวบ้านสกุลหลานของข้านำความรุ่งโรจน์กลับคืนมายังตระกูลของเราอีกครั้ง ! ในเมื่อไป๋เฉิงเซียงไม่เห็นความงามของไข่มุกเม็ดนี้ ก็ไม่เป็นไร เพราะบ้านสกุลหลานของข้าจะไม่ทำผิดพลาดเช่นนั้นเป็นแน่ !”
“ขอรับ ท่านพ่อ ข้าจะรีบออกไปจัดการทันที” น้ำเสียงของหลานหยูก็ฟังดูโกรธเกรี้ยว หากเขารู้ว่าไป๋เฉิงเซียงเป็นคนเช่นนี้ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางน้องสาวของตน มิให้หลานเยี่ยแต่งเข้าบ้านสกุลไป๋ กระทั่งทำให้หลานสาวของเขาต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
“หยานเอ๋อ ป้าสะใภ้ของเจ้าน่าจะจัดแจงห้องให้เจ้าเสร็จแล้ว ยายจะพาเจ้าไปพักผ่อนก่อน หลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าคงเจอเรื่องหนักหนามามากแล้ว” หลานฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจอีกครั้ง นางจินตนาการไม่ออกเลยว่าไป๋หยานได้รับการปฏิบัติอย่างไรในบ้านสกุลไป๋ เพียงนึกว่าหยูหรงกล้าที่จะขายไป๋หยาน แม่เฒ่าก็พอจะเดาได้ว่าชีวิตหลานสาวของนางในบ้านสกุลไป๋นั้นต้องมิใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว
ทว่าหลานสาวของนางผู้นี้ก็ดื้อรั้นเสียเหลือเกิน หากก่อนหน้านี้ไป๋หยานร้องห่มร้องไห้มาหาพวกเขา ไหนเลยคนบ้านสกุลหลานจะปล่อยให้นางต้องเจอะเจอเรื่องราวเลวร้ายมากมายถึงเพียงนี้
“ท่านยาย…ข้ายังมีเรื่องต้องออกไปจัดการ ข้าต้องขอตัวก่อน”
ถึงตอนนี้ ไป๋หยานก็หวนนึกถึงไป๋เสี่ยวเฉินผู้เป็นบุตรชาย นี่ก็จะบ่ายแล้ว นางทิ้งเด็กน้อยมาเกือบครึ่งวัน นางเป็นกังวลว่าลูกน้อยของนางจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้หรือไม่ ?
เช่นนั้น นางจึงอยากไปดูให้เห็นกับตา หาไม่แล้วนางคงไม่อาจวางใจได้
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ามีเรื่องที่ต้องจัดการ ข้าก็จะไม่ห้ามเจ้า อย่างไรก็ตาม อย่าลืมกลับมากินอาหารเย็นที่นี่ล่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลานสาวด้วยความรัก และความเอ็นดู นางไม่เอ่ยถามถึงลูกของไป๋หยานเลย เพราะเกรงว่าจะทำให้หลานสาวของนางต้องเจ็บปวด
เพราะสิ่งที่ไป๋หยานต้องผจญมานั้นช่างลำบากยากเย็นเสียเหลือเกิน อาจเป็นได้ว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นเด็กน้อยอาจจะแท้งไปแล้ว
ไป๋หยานเห็นยายของนางไม่ไถ่ถามถึงไป๋เสี่ยวเฉิน นางก็ไม่เอ่ยถึงเขาเช่นกัน เพราะหากคนสกุลหลานต้องการพบบุตรชายของนาง นางก็ต้องถามบุตรชายของนางก่อนว่าต้องการจะพบคนที่นี่หรือไม่ ?
ครั้นกล่าวคำอำลาฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว ไป๋หยานก็เดินออกจากบ้านสกุลหลานตรงไปยังถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน
*****
บนถนนที่จ้อกแจ้กจอแจ เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บุรุษผู้หนึ่งในอาภรณ์สีม่วง นัยน์ตาหงส์คมกริบยามนี้ส่องประกายเย็นชา ทว่าใบหน้าของเขากลับน่าหลงใหล เรียกได้ว่า คำว่า “หล่อสะท้านเมือง” ก็ยังไม่อาจอธิบายความหล่อเหลาของเขาได้
ยามนี้สาว ๆ สองข้างทางต่างกำลังมองชายหนุ่มผู้นี้อย่างคลั่งไคล้ ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าสบตาเขาเลยแม้สักคน
ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่า บุรุษหนุ่มผู้นี้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วอาณาจักรหลิวฮั่ว เขามีนามว่า ตี้คัง … ตี้คังผู้ที่สาว ๆ ต่างหลงใหลคลั่งไคล้ ทว่าตี้คังกลับโหดร้าย หากมีสตรีใดใจกล้าพยายามที่จะเข้าใกล้เขา สิ่งที่เขาปฏิบัติกับสตรีผู้นั้นเรียกได้ว่า…โหดเหี้ยม !
อย่างไรก็ตาม ด้วยใบหน้าที่งดงามสมบูรณ์แบบนั้น ก็ยังทำให้สาว ๆ หลายคนพร้อมจะเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ แม้รู้ว่าจะต้องสังเวยด้วยชีวิตก็ยังยินยอม บางทีพวกนางอาจจะฝันหวานว่าเขาจะมีใจให้นางบ้างกระมัง !
จู่ ๆ …
ตี้คังก็หยุดเดิน เนื่องจากกลิ่นหอมจางที่ลอยผ่านจมูกเขา ทำให้เขาหวนนึกถึงค่ำคืนนั้น สตรีที่ร่วมรักกับเขาภายใต้แสงจันทร์นวลในคืนอันเหน็บหนาว …
“ช้าก่อน !”
ไป๋หยานซึ่งเดินอยู่ข้างหน้าเขา ได้ยินเสียงที่โกรธเกรี้ยว หากแต่นางก็ไม่คิดว่าจะมีผู้ใดมาตะโกนใส่นาง เช่นนั้นนางจึงยังคงเดินต่อไปโดยไม่สนใจสิ่งใด
ทว่าในไม่ช้า นางก็หยุด …
ชายหนุ่มผู้นั้นรูปงามราวเทพบุตร ก่อนจะพบชายผู้นี้ ไป๋หยานไม่เคยคิดเลยว่าจะมีชายใดหล่อเหลาไร้ที่ติเช่นนี้ เรียกได้ว่าหล่อสะท้านแผ่นดิน
“พ่อรูปหล่อ ท่านเรียกข้ากระนั้นหรือ ?” ไป๋หยานลูบคางของตน กิริยาของนางราวกับหนุ่มเสเพล สายตาที่นางใช้มองชายหนุ่มผู้อยู่ตรงหน้าเรียกได้ว่าจาบจ้วง
***จบบท เผชิญหน้ากันอีกครั้ง…ก็ยังไม่ดีนัก (1)***