แววตาของตี้คังเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความโกรธแค้น เขาวางมือของตนแนบกับต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังไป๋หยาน พร้อมกับบังคับนางให้จนมุมอยู่กับต้นไม้ต้นนั้น
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ ?”
เขากัดฟันเอ่ยถาม พยายามควบคุมอารมณ์อย่างถึงที่สุด
สัมผัสรับรู้ด้านกลิ่นของสุนัขจิ้งจอกนั้นไวมาก เช่นนั้นเขาจึงสามารถบอกได้ว่ากลิ่นของสตรีผู้นี้มีความคล้ายคลึงกับนางแพศยาที่ข่มขืนเขาเป็นอย่างมาก
ไป๋หยานกระพริบตาอย่างสับสน “ข้ามิใช่คนขี้หลงขี้ลืม หากข้าเคยพบเห็นท่านมาก่อน คงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะลืมท่าน เช่นนั้นข้าว่าข้าคงไม่รู้จักท่านหรอก … “
“กระนั้นรึ… ?” ตี้คังเม้มปากจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะลดเสียงลงจนเป็นกระซิบ “ต้องให้ข้าเตือนเจ้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อนบนถนนสายเก่านั่นหรือไม่ ?”
หกปีก่อน… ถนนสายเก่ารึ ?
ไป๋หยานนึ่งอึ้ง หากเป็นเรื่องเมื่อหกปีก่อน นางถูกไป๋รั่วใช้อุบายวางยาปลุกกำหนัด ทว่านางก็พยายามหนี กระทั่งพบกับชายผู้หนึ่งบริเวณชายป่าถนนสายเก่า …
ครั้นหวนนึกถึงเรื่องนี้หัวใจของนางพลันเต้นระรัว ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบกับแววตากระหายเลือดซึ่งคล้ายคลึงกับแววตาคู่นั้น แววตาที่ติดค้างอยู่ในความทรงจำของนางตลอดมา
“นี่ … ” ไป๋หยานใจสั่น ทว่าภายนอกนางกลับแลดูนิ่งสงบเฉกเช่นเดิม “ท่านคงจะจำคนผิดแล้ว หกปีก่อน ข้าไม่เคยเฉียดเข้าใกล้ถนนสายเก่านั่นเลย”
ชายหนุ่มยื่นมือใหญ่ของเขาออกมาบีบคางของไป๋หยานแน่น มืออันทรงพลังของเขาบังคับให้นางต้องเผชิญหน้ากับเขา “เจ้าจะใช่นางหรือไม่ ? แล้วเราจะได้รู้กันภายหลังเจ้าขึ้นเตียงกับข้า เพราะข้าจำนางแพศยาคนนั้นได้ดี !
จะได้รู้หลังจาก…ขึ้นเตียงกับ… ?
ขึ้นเตียงกับ… ? ! !
สามคำสุดท้ายนี้ ทำให้โลหิตในกายของไป๋หยานพลุ่งพล่าน ความโกรธพุ่งจี๊ดขึ้นไปที่ศีรษะ นางสูญเสียท่าทีสงบเยือกเย็นอย่างสิ้นเชิง นางกระทืบลงบนเท้าของชายหนุ่มอย่างแรง พร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ไอ้คนลามก”
ชายหนุ่มร้องโอดครวญ มือที่กักร่างไป๋หยานไว้พลันคลายออก ไป๋หยานอาศัยโอกาสนี้มุดรอดวงแขนของชายหนุ่ม เผ่นหนีจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้จะหันหลังกลับไปมอง
“ท่านอ๋อง”
ช่วงเวลานั้นเอง ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งก็เพิ่งเหินลงมาจากฟ้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ในใจของเขารู้สึกชื่นชมไป๋หยานเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าจะมีผู้ใดในโลกนี้ที่กล้าทำร้ายท่านอ๋องของเขาได้ ทว่านางกลับกล้า !
“ท่านอ๋อง จะให้ข้าไปนำตัวสตรีผู้นั้นกลับมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ?” เขารีบเช็ดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผาก พร้อมกับเอ่ยถามอย่างอ่อนล้า
“ไม่ต้อง” ตี้คังกล่าวเสียงต่ำ ๆ ขณะเดียวกันสายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องทางทิศที่ไป๋หยานหนีจากไป “ไปสืบภูมิหลังของนางแล้วรีบกลับมารายงานข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าอยากรู้ว่าเมื่อหกปีที่แล้ว นางเคยพักอาศัยแถวถนนสายเก่านั่นหรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”
ทหารองครักษ์โค้งตัวลงน้อมรับคำสั่ง จากนั้นก็สวดภาวนาให้ไป๋หยานอยู่ในใจ หากสตรีผู้นั้นเป็นผู้ที่ท่านอ๋องตามหาอยู่จริง ๆ นางจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้างจากบุรุษที่มีนิสัยโหดร้ายเยี่ยงท่านอ๋องผู้นี้ ?
“เอ่อ เรียนท่านอ๋อง…” ทหารองครักษ์ก้มหัวลงด้วยความหวาดกลัว”องค์หญิงไม่ยอมออกจากตำหนักของท่าน ทั้งยังคงรออยู่ที่นั่น เพื่อที่จะพบท่านให้ได้”
ตี้คังขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเยียบเย็นว่า “ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าโยนนางออกไปหรอกหรือ ?”
“แต่ว่า …”
อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงองค์หญิงแห่งอาณาจักรนี้ ผู้ใดจะกล้าโยนนางออกไปเล่า !
ตี้คังกวาดสายตาที่เย็นชาของเขาไปยังทหารองครักษ์ผู้ซึ่งกำลังคุกเข่า “ไปที่ห้องลงทัณฑ์ รับโทษของเจ้าซะ !”
น้ำเสียงของอ๋องคังช่างโหดเหี้ยม ทหารองครักษ์ขาสั่นด้วยความหวาดผวา กระทั่งเกือบทรุดลงกับพื้น สีหน้าของทหารองครักษ์ซีดเผือดเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
โดยปกติแล้วห้องลงทัณฑ์หมายถึงสถานที่สำหรับใช้ลงโทษทางวินัยเล็ก ๆ น้อย
ทว่ามิใช่สำหรับตำหนักอ๋องคัง เพราะผู้ใดก็ตามที่เข้าไปในห้องลงทัณฑ์ของตำหนักนี้ ก็อย่าได้หวังว่าจะมีชีวิตรอดกลับออกมา !
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยยินดีรับโทษ !” ทหารองครักษ์กล่าวตอบทั้งที่ปากยังสั่น ๆ
ต่อหน้าท่านอ๋อง ไร้ประโยชน์ที่จะอ้อนวอนใด ๆ เพราะแทนที่จะได้รับความเมตตากลับจะถูกลงทัณฑ์หนักยิ่งขึ้น
***จบบท เผชิญหน้ากันอีกครั้ง…ก็ยังไม่ดีนัก (3)***