“ตี้คัง !” องค์หญิกรีดร้องด้วยความโกรธา
ในฐานะที่นางเป็นถึงองค์หญิง ไม่เคยมีผู้ใด ไม่ให้การเคารพ ไม่เกรงกลัวนาง ทว่าชายผู้นี้กล้าดีอย่างไรถึงได้ทำกับนางเช่นนี้ ?
กระทั่งพื้นที่นางเดินไปเดินมา เขาก็ยังขยะแขยง !
“โยนนางออกไป !”
ครั้นตี้คังหันหลังจะก้าวเดินจากไป องค์หญิงก็รีบถลันเข้าไปคว้าแขนของเขาไว้ …
ผลก็คือ ตี้คังหมุนตัวหลบมือขององค์หญิงหกพ้น ทว่าปลายนิ้วมือของนางกลับปัดไปถูกแขนเสื้อของเขาเพียงเล็กน้อย
ตี้คังย่นหน้าผากขมวดคิ้ว
บรรดาบ่าวรับใช้ในตำหนักที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างทรุดร่างลงกับพื้น เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
บางทีองค์หญิงหกผู้นี้ อาจจะยังไม่รู้ว่าการที่ตี้คังขมวดคิ้วจะส่งผลอย่างไร เพราะนางยังไม่คุ้นเคยกับท่านอ๋องผู้นี้ดีพอ ทว่ากับพวกเขาซึ่งติดตามรับใช้ตี้คังมานานหลายปี รู้ได้ทันที นี่คือสัญลักษณ์บ่งบอกว่า ต้องมีใครบางคนประสบโชคร้าย !
“ตี้คัง” องค์หญิงหกมองตี้คังที่หยุดชะงักนิ่ง นางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเขา แล้วต้องตกตะลึงไปกับประกายตาที่เจิดจ้าราวแสงฉาน “ข้าชอบเจ้าจริง ๆ นะ และข้าแน่ใจว่าเจ้าเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน เวลานี้เจ้าเป็นอ๋องแต่เพียงในนาม หาใช่ราชนิกูลไม่ หากเจ้ามาเป็นสามีของข้า เจ้าก็จะได้เป็นหนึ่งในราชสกุลของเราอย่างแท้จริง !”
ตี้คังไม่ใส่ใจถ้อยคำของนางแม้แต่น้อย เขาฉีกทึ้งแขนเสื้อที่ถูกนางแตะต้องกระทั่งขาดออกจากกัน จากนั้นก็โยนมันลงบนพื้น ผิวเนื้อบริเวณแขนที่ขาวกระจ่างสะท้องแสงแดดกล้าเป็นประกาย
องค์หญิงหกนิ่งงัน นางไม่เคยคาดคิดว่าจะมีผู้ใดที่มีแขนงดงามดูดีเช่นนี้ …
บัดนี้หากจะพานางออกจากตำหนักอ๋องคังด้วยแขนข้างนั้นแล้วล่ะก็ แม้ว่านางจะต้องขายชีวิตทั้งชีวิตนางก็ยินดี !
“เมื่อครู่เจ้าใช้นิ้วไหนสัมผัสข้า ?”
ในขณะที่องค์หญิงยังคงติดอยู่กับภาพฝัน น้ำเสียงเย็นชาของบุรุษผู้นั้นก็ทำให้นางกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง น้ำเสียงนั้นเย็นยะเยือกเสียจนทำให้หัวใจของนางจับตัวเป็นน้ำแข็ง ร่างของนางพลันสั่นสะท้านด้วยความหนาวเย็น
“ตี้คัง ข้า … ”
องค์หญิงหกเห็นตี้คังเดินตรงเข้ามาหานาง นางก็หน้าถอดสี ถอยหลังกรูดโดยไม่ตั้งใจ แรงกดดันมหาศาลจากเขา ทำให้นางอึดอัดกระทั่งอยากจะหันหลังวิ่งหนีไปจากตรงนี้ในทันที
บุรุษผู้นี้เป็นเช่นที่เขาร่ำลือกัน เขาช่างน่ากลัวจริง ๆ !
เป็นครั้งแรกในชีวิตขององค์หญิงหกที่ได้รับรู้ถึงคำว่า “ความหวาดกลัว !”
หากนางมีโอกาสอีกครั้ง นางจะไม่ทำให้ชายผู้นี้โมโหเลย !
“นิ้วไหน ?” ตี้คังขยับเข้าใกล้อีกสองก้าว ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ มีเพียงแววกระหายเลือดเปล่งออกมาจากนัยน์ตาหงส์คู่งามเท่านั้น
ครั้นเห็นองค์หญิงหกไม่ยอมตอบคำถาม ตี้คังก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาก้องกังวานน่าสยดสยอง
“เมื่อเจ้าไม่พูด ก็ตัดให้ขาดทั้งหมดแล้วกัน !“
องค์หญิงหกเข่าอ่อน กระทั่งเกือบจะล้มลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว “ตี้คัง อย่างน้อยข้าก็เป็นถึงองค์หญิงแห่งอาณาจักรนี้ หากเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวว่าเสด็จพ่อของข้าจะทรงกริ้ว แล้วจะเป็นปัญหากับเจ้ากระนั้นหรือ ?”
แม้ในใจของนางจะหวาดกลัวสักเพียงไร ทว่าองค์หญิงหกก็จะไม่มีวันเผยความอ่อนแอใด ๆ ต่อหน้าตี้คังเป็นแน่ นางกัดฟันแน่น ก่อนจะกล่าวคำเหล่านั้นเล็ดลอดไรฟันออกมา
ตี้คังเพียงหัวเราะเยาะ “มีปัญหากับข้ากระนั้นรึ ? นั่นก็ขึ้นกับว่า เขากล้าพอหรือไม่ !”
“ท่านอ๋อง…” ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้นิสัยท่านอ๋องของเขาเป็นอย่างดี ด้วยนิสัยของตี้คังแล้ว เขาจะต้องตัดมือทั้งสองข้างขององค์หญิง เพื่อสนองอารมณ์โกรธของตนเป็นแน่ “เมื่อครู่…ข้าเห็นองค์หญิงใช้พระดัชนีข้างขวาของนางปัดถูกชายเสื้อท่าน“
เจ้านายของเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ ทั้งรักความสะอาด อ๋องคังไม่เคยยอมให้ผู้ใดแตะต้องสัมผัสกาย ! องค์หญิงหกทั้งที่รู้นิสัยอ๋องคัง ก็ยังยั่วยุให้เกิดปัญหา ไม่ต่างจากฉี่รดหัวเสือเลย ! หาเรื่องตายชัด ๆ !
“ตัดนิ้วชี้ข้างขวาของนาง จากนั้นก็โยนนางออกไป !” ท่านอ๋องกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเปี่ยมด้วยความดุดัน “หากเจ้ากล้าก้าวเข้ามาในตำหนักของข้าอีก ข้าจะตัดขาเจ้าทันทีที่มันเหยียบลงบนอาณาบริเวณของข้า“
ท่าทีขององครักษ์เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นเต้น วันนี้เขาทำอะไรขัดใจท่านอ๋องกระนั้นหรือ ? เหตุใดท่านอ๋องจึงต้องสั่งให้เขากระทำเรื่องลำบากยากเย็นเช่นนี้ด้วย ?
***จบบท องค์หญิงที่เพ้อฝันอยากเป็นชายาอ๋องคัง (2)**