น่าเสียดาย …
ที่ในช่วงเวลานั้นไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเหตุการณ์ด้านหน้าโรงเตี๊ยม นั่นก็หมายความว่า ไม่มีพยานแม้แต่คนเดียวที่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของไป๋จื่อได้
“องค์รัชทายาท อย่าทรงได้เชื่อคำพูดของเขา เขาใส่ร้ายหม่อมฉัน !” ไป๋จื่อรีบหันไปอธิบายอย่างจริงจังกับหนานกงอี้
“ข้าไม่ได้ใส่ร้ายเจ้า !” ไป๋เสี่ยวเฉินกล่าวพร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ แม้ใบหน้าของเขาจะแลดูสกปรกมอมแมม ทว่ากลับทำให้ยิ่งดูน่าสงสาร และน่าเวทนา “หากมิใช่เป็นเพราะเจ้าผลักข้า เสี่ยวมี่ของข้าก็คงจะไม่ข่วนเจ้า”
“เมี้ยว…~”
เสี่ยวมี่ยืดหัว พร้อมกับโชว์กรงเล็บของมันด้วยความภาคภูมิใจ
ถึงตอนนี้ ผู้คนที่มารวมตัวกันด้านนอกโรงเตี๊ยมก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาต่างซุบซิบตำหนิ พร้อมกับชี้มาทางไป๋จื่อ นั่นทำให้นางอับอายกระทั่งร้องไห้ออกมา
“ไป๋จื่อ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ !” น้ำเสียงของหนานกงอี้เย็นชา “เด็กน้อยผู้นี้ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใดกับเจ้า แล้วเขาจะใส่ร้ายเจ้าด้วยเรื่องใด ? อีกอย่างเขายังเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ อายุไม่เกินห้าหรือหกขวบ เขาจะมีแผนการล้ำลึกเช่นที่เจ้าว่าได้อย่างไร ?”
ไป๋จื่อหน้าซีด พลางกัดริมฝีปากสั่นเทาของตนเองแน่น
“บุตรสาวของบ้านสกุลไป๋ ไม่มีผู้ใดเทียบกับรั่วเอ๋อได้เลย นับแต่ไป๋หยานนางแพศยาที่หนีตามผู้ชาย ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว แล้วนี่ก็ยังเจ้าที่ไม่ยอมละเว้นแม้กระทั่งเด็ก !”
หนานกงอี้ตะคอกไป๋จื่อ หากแต่ไม่ได้ตระหนักเลยว่า ทันทีที่เขาเอ่ยถึงไป๋หยาน ใบหน้าของเด็กชายที่เคยแลดูน่าเวทนากลับแปรเปลี่ยนเป็นขึ้งโกรธขึ้นมาอย่างฉับพลัน
โชคดีที่ไป๋เสี่ยวเฉินยังจำจุดประสงค์ในวันนี้ของตนเองได้ เขาก้มศีรษะลงเก็บซ่อนอารมณ์โกรธในแววตา ก่อนจะยืดไหล่ร้องห่มร้องไห้ต่อไป
“องค์รัชทายาท ได้โปรดฟังหม่อมฉันอธิบายก่อน … ” ไป๋จื่อรีบคว้าแขนข้างหนึ่งของหนานกงอี้ ทว่าเขาก็ปัดมือนางออก
“พอได้แล้ว !” หนานกงอี้คำราม “ท่านเจ้าบ้านไป๋ ต้องการให้ข้ารับเจ้าเป็นสนมอีกคน ข้าเองก็คิดว่าเจ้าคงจะฉลาดเฉลียว และมีเหตุผล หากแต่ผู้ใดจะคิดว่าเจ้าจะลดตัวไปมีปัญหาแม้กระทั่งกับเด็ก ! เสด็จพ่อของข้าไม่มีวันยอมให้คนไม่รู้ดีรู้ชั่วเช่นเจ้าเข้าวังหลวงไปสร้างปัญหาเป็นแน่ ! “
หลังจากกล่าวจบ องค์รัชทายาทก็ไม่เสียเวลามองไป๋จื่ออีกต่อไป เขาเดินลงบันไดไปทันที
ในขณะที่กำลังจะเดินผ่านหน้าไป๋เสี่ยวเฉิน เขาพลันขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างขยะแขยง
เด็กคนนี้ช่างสกปรก อีกทั้งน่ารังเกียจอย่างที่สุด ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไป๋จื่อจะทำเช่นนั้น ! เพียงทว่าราชนิกูลอย่างเขาต้องรักษาภาพพจน์ที่ดีในที่ชุมนุมชน หากจะยอมรับไป๋จื่อเป็นพระสนมโดยไม่สนใจชาวประชาเลย เสด็จพ่อของเขาคงต้องกริ้วเขาเป็นแน่
จู่ ๆ หนานกงอี้พลันนึกถึงโอรสของตนกับไป๋รั่วขึ้นมา ใบหน้าเคร่งเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลง
ไม่มีเด็กคนไหนในโลกนี้ที่สามารถเทียบกับโอรสของเขาได้ ! ขอทานน้อยสกปรก และน่ารังเกียจคนนี้แตกต่างจากโอรสของเขาราวฟ้ากับเหว
ไป๋จื่อมองตามหลังหนานกงอี้ ในสมองของนางเหลือเพียงความว่างเปล่า มีคำสามคำปรากฏขึ้นในหัวของนาง นั่นก็คือ “จบสิ้นแล้ว !”
เพราะไอ้เด็กเหลือขอนี่คนเดียว !
อาจเป็นเพราะความโกรธที่พุ่งปรี๊ดขึ้นสมองของนาง ทำให้แววตาของไป๋จื่อเปลี่ยนเป็นน่าหวาดหวั่น “ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตาย !”
ครั้นเห็นไป๋จื่อผู้ซึ่งสติแตก วิ่งผลุนผลันเข้ามาหา นัยน์ตาของไป๋เสี่ยวเฉินพลันเปล่งประกาย แววตาของเขาเต็มไปด้วยไหวพริบเจิดจ้า เขาเบี่ยงตัวหลบ ทำให้มือของไป๋จื่อพลาดเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ต่างคิดไปว่าไป๋เสียวเฉินโชคดีมากกว่าจะคิดเห็นเป็นอย่างอื่น
“เมี้ยว !”
เสี่ยวมี่รู้สึกโกรธมาก มันรู้ดีว่านายน้อยมีความสามารถมากเพียงใด คนอย่างไป๋จื่อไม่มีทางทำร้ายนายน้อยได้หรอก
หากแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เสือขาวที่แสนภาคภูมิอย่างมันจะยอมให้ผู้ใดมาทำร้าย ไป๋เสี่ยวเฉิน ต่อหน้าต่อตา !
***จบบท ไป๋เสี่ยวเฉิน เด็กน้อยตีสองหน้า (3)***