บนถนน… ไป๋เสี่ยวเฉินยังไม่ทันสังเกตเห็นการปรากฏตัวของมารดา มือเล็ก ๆ ของเขายังคงเกาะกุมต้นขาของไป๋เซียวไว้แน่น ใบหน้าของเขาสว่างไสวราวกับแสงตะวัน
“ท่านน้า…เฉินเอ๋อชอบท่านจริง ๆ นะท่านไปเที่ยวบ้านเฉินเอ๋อดีหรือไม่ ?”
ไป๋เซียว มองมือเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉินที่ยังคงกอดต้นขาของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย แววตาของเขาพลันอบอุ่นขึ้น
เด็กน้อยคนนี้ช่างอ่อนโยน อีกทั้งน่ารัก ผิวของเขามีกลิ่นหอมน้ำนมราวกับซาลาเปานุ่ม ๆ กระทั่งนึกอยากจะอุ้มขึ้นมากัด
“บ้านของเจ้าอยู่ที่ใดล่ะ ? ให้ข้าส่งเจ้ากลับบ้านดีหรือไม่ ?” ไป๋เซียวลูบศีรษะเล็ก ๆ ของไป๋เสี่ยวเฉิน พลางยิ้มให้เด็กน้อยอย่างอบอุ่น
นับแต่เห็นเจ้าซาลาเปาน้อยครั้งแรก ไป๋เซียวก็รู้สึกรัก และเอ็นดูซาลาเปาน้อยมากมายจนบอกไม่ถูกแล้ว
“ข้า …” หัวใจของไป๋เสี่ยวเฉินเต็มไปด้วยความสุข เขากำลังจะตอบไป๋เซียว ทว่าสายตาของเขาพลันเหลือบไปเห็นไป๋หยานผู้ซึ่งเดินหน้าดำคร่ำเครียดตรงเข้ามาหา
เขานิ่งอึ้งไปในบัดดล มือที่เกาะกุมขาไป๋เซียวไว้พลันคลายออก พร้อมกับขาที่ก้าวถอยหลังสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว
เสร็จกัน !
เหตุใดหม่ามี้มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ?
“พี่ใหญ่ พี่มาทำอะไรที่นี่ ?” ไป๋เซียวเอ่ยถามนางพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋หยานยังคงทำหน้าเข้ม นางปรายตามองเด็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองไป๋เซียว “อุ้มเด็กน้อยคนนี้แล้วตามข้ามา !”
“นี่ …” ไป๋เซียวนิ่งอึ้ง เขาเกาศีรษะอย่างสับสน “พี่ใหญ่ ข้าว่าการลักพาตัวเด็กไปขายไม่ใช่เรื่องดีนะ”
ไป๋หยานไม่พูดไม่จา นางหันหลังกลับ จากนั้นก็ออกเดินนำหน้า
แม้ว่าไป๋เซียวจะลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ทว่าที่สุดแล้วเขาก็อุ้มไป๋เสี่ยวเฉินขึ้นมา พร้อมกับหัวเราะ “หนูน้อย แม้ว่าข้าจะชอบเจ้ามาก หากแต่พี่สาวของข้านั้นสำคัญเหนืออื่นใด เช่นนั้นข้าคงต้องล่วงเกินเจ้าแล้วล่ะ”
ตอนแรกเขาคิดว่าไป๋เสี่ยวเฉินจะดิ้นรนต่อสู้ และร้องไห้ หากแต่คาดไม่ถึง เจ้าซาลาเปาน้อยน่ารักกลับเอนตัวซุกนิ่งสงบอย่างเชื่อฟังในอ้อมแขนของเขาโดยไม่ขยับตัว แม้แต่เจ้าแมวน้อยที่แลดูก้าวร้าวเมื่อครู่ ก็ยังทำตัวราวกับว่ามันเพิ่งกระทำความผิดมาหมาด ๆ มันเดินตามหลังมาต้อย ๆ
*****
ภายในลานบ้านที่สะอาดเอี่ยม
ไป๋เซียวเดินตามไป๋หยานเข้ามา นัยน์ตาสดใสของเขาเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย ทว่าขณะที่เขากำลังจะเอ่ยถามนั้น หญิงสาวที่เดินนำหน้าพลันหยุดเดิน นางนั่งลงบนม้าหินที่อยู่ข้าง ๆ
“เจ้ารู้ความผิดของเจ้าหรือไม่ ?”
ไป๋หยานนั่งไขว่ห้าง พลางใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะ ชุดสีแดงเพลิงของนาง ทำให้นางดูเปี่ยมพลังราวกับนายหญิงผู้ดูแลกฎของบ้านหลังนี้
“หือ ?”
ไป๋เซียวยังไม่เข้าใจ วันนี้เขาทำสิ่งใดผิดกระนั้นหรือ ? ทำอะไรให้พี่สาวเขาโกรธมากถึงเพียงนี้ ?
ขณะที่ไป๋เซียวกำลังพยายามคิดอย่างหนักว่าเขาทำสิ่งใดผิด ไป๋เสี่ยวเฉินที่ยังกอดคอเขาอยู่ก็ปล่อยมือ จากนั้นก็กระโดดลงจากอ้อมแขนของเขา
ไป๋เสี่ยวเฉินอุ้มเสี่ยวมี่ซึ่งหลบอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา พลางเอ่ยถามด้วยท่าทางหงุดหงิดว่า “เสี่ยวมี่ เจ้าทำอะไรผิดอีกล่ะ เจ้าทำให้หม่ามี้เสียใจอีกแล้วนะเห็นมั้ย ? รีบสารภาพออกมาดี ๆ ที่หนักจะได้เป็นเบา ! “
เสี่ยวมี่ได้แต่ทำหน้าเหลอหลา ในโลกนี้จะมีผู้ใดหน้าด้านหน้าทนยิ่งไปกว่านายน้อยของเขาอีกหรือไม่ ? แต่อย่างว่าล่ะ ในหมู่สัตว์อสูรทั้งหลาย เผ่าจิ้งจอกนับเป็นเผ่าพันธุ์ที่เจ้าเล่ห์ และเจ้าแผนการที่สุด
“หม่ามี้… ?”
ไป๋เซียวงงงัน นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง เขามองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยความตกใจ จากนั้นก็หันไปมองไป๋หยาน
ซาลาเปาน้อยนี่เป็นหลานของเขากระนั้นหรือ ?
“เพิ่งจะเมื่อเช้านี้เองนะ… !” ไป๋หยานตบโต๊ะหิน “เจ้าลืมเรื่องที่สั่งแล้วกระนั้นหรือ ?”
“หม่ามี้…เสี่ยวมี่แหละที่ยุลูก แล้วไป๋จื่อก็ถูกเสี่ยวมี่ข่วน มันไม่เกี่ยวกับลูกเลยแม้แต่น้อยจริง ๆ นะ”
ไยถึงโยนทุกอย่างมาลงที่เสี่ยวมี่ล่ะ ? อะไรไม่ดีก็มาลงที่เสี่ยวมี่ได้ใช่หรือไม่ ? อย่างข้าน่ะเหรอจะกล้ายุยงส่งเสริมคนอย่างนายน้อยได้ ?
***จบบท ไป๋เซียวตกตะลึงตาค้าง (1)***