ทุกสายตาที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงต่างจับจ้องไปยังประตูทางเข้า
“เหตุใดท่านอ๋องคังถึงมาที่นี่ ? ทั้งที่นี่ก็เป็นเพียงงานเลี้ยงของคนสกปรก” ไป๋จื่อซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ไป๋เฉิงเซียงผู้เป็นบิดากล่าวอย่างโมโห ใบหน้าของนางเขียวคล้ำ เมื่อได้ข่าวการมาถึงของอ๋องคัง
แม้ว่าเด็กสาวจะกระซิบกระซาบ ทว่าเนื่องจากห้องโถงทั้งห้องนั้นเงียบมาก ถ้อยคำของนางจึงทำให้แขกที่นิ่งเงียบได้ยินกันถ้วนทั่ว
หลานหยูมีสีหน้าเคร่งเครียด เขากราดตามองเด็กสาว ก่อนจะหันหลังเดินไปที่ประตูทางเข้า …
ยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นแขกเหรื่อ หรือแม้แต่องค์รัชทายาท ต่างก็จดจ่อกับสิ่งที่เห็นด้วยความประหลาดใจ
จันทราสาดแสงส่องสว่างทั่วท้องฟ้าบดบังทุกสิ่งในนภากาศ ภายใต้แสงจันทร์นวล ทุกคนต่างจับจ้องไปยังบางสิ่งที่แลดูสะดุดตา
ตูม~ ! !
พร้อมกับเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หมาป่าสีเงินยวงหลายตัวลากเลื่อนบัลลังก์อันสง่างามเข้ามากลางห้องโถงอย่างรวดเร็ว ทำเอาแขกเหรื่อแตกตื่นตกใจ ต่างพากันถอยหนีอลหม่าน
บนบัลลังก์นั้น ชายหนุ่มวางแขนบนที่เท้าแขนอย่างสบาย ๆ ขณะเอนร่างลงพิงพนักเก้าอี้ ครั้นสายลมพัดแผ่วเบา สาบเสื้อของเขาพลันสะบัดเผยอออกเล็กน้อย ทำให้แผ่นอกขาว ๆ ของเขาเผยปรากฏต่อสายตาทุกผู้คน สาว ๆ ที่ได้เห็นต่างก็น้ำลายไหล
เส้นผมสีเงินยวงยาวสลวยงดงามราวปีศาจ ไหนจะใบหน้าที่หล่อเหลา และน่าหลงใหลนั่นอีกล่ะ โอ๊ย ! เคลิบเคลิ้มแทบจะคลั่ง…
ทว่าแววตาของเขากลับแลดูกระหายเลือด น่าสยดสยอง ดูราวกับว่า ในสายตาของเขาแล้ว ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงนี้ไม่ต่างกับมดตัวน้อยที่จะบดขยี้ให้แหลกราญเมื่อไหร่ก็ได้
บุรุษผู้หยิ่งยโส แลดูสูงส่ง และรักสันโดษเช่นนี้แหละ คือบุรุษที่ทำให้สาวนักฝันนับพันต่างหลงใหล
ไม่ต่างกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ แม้รู้ว่าต้องตายหากแต่ก็ยังยินดี
“คารวะ ท่านอ๋องคัง…” หลานหยูมิได้แสดงท่าทางเย็นชาเฉกเช่นที่ปฏิบัติกับองค์รัชทายาท น้ำเสียงของเขาให้ความเคารพ อีกทั้งพร้อมต้อนรับบุรุษผู้มาใหม่ “นับเป็นเกียรติแก่บ้านสกุลหลานของเราอย่างยิ่ง ที่ท่านให้เกียรติมาเยือน และร่วมงานเลี้ยงต้อนรับในค่ำคืนนี้ ขอเรียนเชิญท่านมานั่งที่นี่ก่อนเถิด“
ครั้นหนานกงอี้เห็นการปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างมากเช่นนั้น เขาก็หน้าเสีย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเนื่องจากความโกรธ ข้าต่างหากราชนิกูลที่แท้จริง มิใช่อ๋องคังที่มีเพียงตำแหน่ง ! เหตุใดหลานหยูถึงเคารพอ๋องคังมากกว่าข้า
ตี้คังลุกขึ้นจากบัลลังก์ เขาค่อย ๆ ก้าวลงจากเลื่อนตามคำเชื้อเชิญ ทันทีที่เขาลุกขึ้นจากบัลลังค์ หมาป่าที่ลากเลื่อนมาก็เหมือนจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พวกมันหลบหายออกจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า มองเห็นเพียงจุดแสงเล็ก ๆ กลางอากาศ
ฝูงชนที่เห็นเหตุการณ์ต่างปากอ้าตาค้าง ไม่สามารถถอนสายตาออกจากท้องฟ้าอยู่ครู่ใหญ่ …
พวกมันล้วนเป็นสัตว์อสูร ! ทุกคนต่างรู้ดีว่าตี้คังมีพลังอำนาจมาก หากแต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นสัตว์อสูรลากเลื่อนให้ตี้คัง !
“ข้าได้ยินมาว่าบ้านสกุลหลานเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงต้อนรับใครบางคนจากบ้านสกุลไป๋” ตี้คังกล่าวขณะเดียวกันสายตาเย็นชาของเขาก็กวาดมองทุกคนที่อยู่โดยรอบ “เช่นนั้นข้าจึงสงสัยว่า เหตุใดงานเลี้ยงครั้งนี้จึงถูกจัดขึ้นโดยบ้านสกุลหลาน มิใช่บ้านสกุลไป๋ ? “
“ท่านอ๋อง…”
ครานี้ไป๋เฉิงเซียงรีบชิงกล่าว ก่อนที่หลานหยูจะได้ทันอธิบาย “ท่านอาจจะไม่รู้เรื่องราว บ้านสกุลไป๋ของข้าเลี้ยงดูเด็กอกตัญญูนั่นด้วยหัวใจ ภรรยาคนปัจจุบันของข้าก็ปฏิบัติต่อนางราวกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง ! ทว่าเพียงเพราะข้าต่อว่านางไม่กี่ประโยค เด็กเนรคุณนั่นกลับประกาศตัดพ่อตัดลูกกับข้า จากนั้นนางก็ประกาศว่านางจะกลับมาอยู่บ้านสกุลหลาน“
ทันทีที่ได้ยินเรื่องราวจากไป๋เฉิงเซียง ฝูงชนก็เริ่มรวมกลุ่มซุบซิบแสดงความไม่พอใจ
“ไป๋หยานนี่ช่างอกตัญญูเสียจริง เมื่อครั้งที่นางหนีตามผู้ชายไปนั้น ท่านยายของนางถึงกับเป็นลมบนท้องถนน มาตอนนี้ เพียงถูกบิดาตำหนินิด ๆ หน่อย ๆ นางถึงกับตัดพ่อตัดลูก หากข้ามีบุตรสาวเช่นนี้ ข้าจะบีบคอนางให้ตายคามือเลยทีเดียว ! “
“ไป๋ฮูหยิน นางช่างเป็นคนใจดีจริง ๆ ข้าได้ยินมาว่านางรักบุตรสาวผู้นี้มากกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเสียอีก ทว่าแทนที่จะได้รับ ความกตัญญูเป็นการตอบแทน นางกลับถูกผู้หญิงที่ไร้หัวใจคนนี้ใส่ร้ายป้ายสีเสียนี่“
***จบบท ช่างน่าทึ่งเสียนี่กระไร (1)***