“ไม่มีผู้ใดสามารถบังคับข้าให้กระทำในสิ่งที่ข้าไม่ต้องการได้” สีหน้าของไป๋หยานไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ มีประกายเจิดจ้าในดวงตาที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งของนาง
หยูหรงหัวเราะคิกคัก ก่อนจะกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “ข้ารู้ว่าเจ้าคงคิดว่าโชคชะตาช่างไม่ยุติธรรมกับเจ้าเลย แต่เหตุใดเจ้าไม่คิดตรงกันข้ามบ้างล่ะ อดีตคู่หมั้นของเจ้าจะแต่งบุตรสาวของข้าไปเป็นพระสนมของเขาแล้ว สถานะระหว่างเจ้าทั้งสองก็เหมือนต่างกันราวฟ้ากับดิน ! “
“ความจริงก็คือ หากมิใช่เป็นเพราะชื่อเสียงของบรรพบุรุษตระกูลเรา เจ้าคิดว่าองค์ฮองเต้จะทรงจัดการหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับองค์ชายรองกระนั้นรึ ? เจ้าเชื่อหรือว่า เจ้าสามารถเทียบได้กับ…รั่วเอ๋อ…บุตรสาวของข้า ? บุตรสาวของข้ามีการศึกษาดี มีพรสวรรค์ ทั้งยังฉลาดเฉลียว นางเหมาะสมที่จะเป็นพระสนมขององค์ชาย และสักวันหนึ่งในกาลข้างหน้า ทายาทของรั่วเอ๋อก็อาจจะได้ปกครองประเทศ นางจะอยู่ในฐานะพระมารดาของแผ่นดิน ในขณะที่เจ้าก็เป็นได้เพียงธุลีดินเท่านั้น”
รั่วเอ๋อช่างยอดเยี่ยมหาใดเปรียบ แต่ไยเด็กสาวคนนั้นถึงได้คิดเปรียบเทียบตนเองกับนางอยู่เสมอนะ ? เฮอะ ช่างตลกเสียจริง !
*****
“ข้าคิดว่า เจ้ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้างอย่างน้อยก็สามารถแลกเปลี่ยนกับยาเม็ดจิตวิญญาณขั้น 3 และเพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับความพยายามของเจ้า ข้าจะให้เจ้าได้เห็นยาเม็ดนั้นหลังจากที่ข้าได้รับมันแล้ว ขยะเยี่ยงเจ้าต่อให้ทั้งชีวิตก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นมัน ! “
ไป๋หยานมองอย่างเย้ยเยาะ ในชีวิตชาติภพก่อนของนาง นางเคยสามารถกลั่นยาเม็ดจิตวิญญาณได้ถึงขั้นที่แปดแล้วด้วยซ้ำ
“หากท่านเรียกข้ามาพบในวันนี้ เพียงเพื่อต้องเจรจาเรื่องนี้แล้วล่ะก็ ข้าขอแนะนำว่าท่านอย่าเสียแรงเปล่าจะดีกว่า !”ไป๋หยานปรายตามองหญิงที่น่ารังเกียจทั้งสองในห้อง “อย่างไรก็ตาม…เรื่องในวันนี้ ข้าไป๋หยานจะขอจารึกไว้ในใจ และเมื่อถึงเวลา ข้าจะให้ทุกคนต้องชดใช้อย่างสาสม !”
ถึงเวลากระนั้นหรือ ? สีหน้าดูถูกเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยูฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อเจ้าเข้าสู่สกุลเฉียนก็ไม่มีคำว่า ถึงเวลานั้นแล้ว
หลังจากไป๋หยานกล่าวจบ นางก็หันหลังกลับเดินออกไปจากห้องด้วยท่าทางมั่นใจ นางไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง ทิ้งเพียงเงาร่างสีแดง ๆ ติดตาไว้เบื้องหลังภายใต้แสงอาทิตย์ยามบ่าย
*****
ครั้นกลับมาถึงห้องส่วนตัวของนาง ไป๋หยานก็นั่งลงบนเตียงในท่าขัดสมาธิอย่างสงบ หากมีผู้ใดมาเห็นนางในตอนนี้ พวกเขาก็จะสังเกตเห็นเส้นพลังงานสีเหลืองจาง ๆ ไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง เส้นสีเหลืองนั้นแสดงถึงระดับการฝึกวิทยายุทธของนาง
“สามเดือนแล้ว ข้ายังอยู่ที่ขั้นที่หนึ่งหวงเจี่ย ช่างช้ามากเหลือเกิน หากเพียงแต่ตอนนี้ข้าสามารถกลั่นยาเม็ดจิตวิญญาณได้ ข้าก็จะสามารถปรับร่างกายของข้า และเพิ่มความรวดเร็วในการฝึกฝนได้อีกหลายเท่าตัว”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นอ่อนแอเพียงใด นางอ่อนแอยิ่งกว่าสาวใช้เสียอีก เพราะขนาดสาวใช้ของที่นี่อย่างน้อย ก็ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับต่ำสุดของขั้นที่หนึ่งหวงเจี่ย
ส่วนสาเหตุที่นางสามารถพัฒนามาถึงขั้นที่หนึ่งหวงเจี่ยได้นั้น เป็นเพราะความพยายามอย่างหนักหน่วงในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ …
ในไม่ช้าท้องฟ้าก็มืดลง ยามค่ำคืนที่สงบเงียบก็มาเยือน
เพียงไม่นาน ก็มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นภายนอก ไป๋หยานรู้ทันที นี่เป็นสัญญาณว่าสกุลเฉียนส่งคนมารับนาง
และก็เป็นเช่นนั้นจริงมีสาวใช้สองคนเดินเข้ามาทางประตู ใบหน้าของพวกนางแลดูเย็นชา “ตามพวกเรามา”
ไป๋หยานไม่กล่าวคำใด นางเพียงก้าวช้า ๆ ออกจากห้องด้วยท่าทีไม่รีบร้อน ที่นั่นมีเกี้ยวเตรียมรออยู่แล้ว โดยไม่รอให้สาวใช้ทั้งสองกระตุ้นเตือน ไป๋หยานเดินเข้าไปในเกี้ยว ขณะที่สาวใช้เองก็เดินตามเข้าไป จากนั้นก็ปิดม่านเกี้ยวลงทันที
และแล้วเหล่าคณะผู้ติดตามก็รีบเดินทางไปยังบ้านสกุลเฉียนอย่างรวดเร็ว ไม่มียอดฝีมือแม้สักคนติดตามพวกเขา นั่นเป็นเพราะต่างก็ทราบกันดีว่า ไป๋หยานเป็นคนอ่อนแอ นางไม่มีทางที่จะต่อต้านได้
พวกเขาใช้เส้นทางที่ห่างไกลจากชุมชน หมู่บ้าน บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขากลัวว่าจะมีผู้พบเห็น เช่นนั้นเมื่อเสียง “ปัง” ดังลั่นออกมา ก็ไม่มีชาวบ้านคนใดรับรู้
ฝุ่นละออง พร้อมด้วยควันลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว ขณะที่เกี้ยวตกลงสู่พื้นดิน
“เกิดอะไรขึ้น ?”
คนแบกเกี้ยวตกตะลึงนิ่งงันไปชั่วครู่ ทว่าไม่ช้าพวกเขาก็รู้สึกตัว พวกเขารีบตรวจสอบผู้ที่อยู่ภายในเกี้ยว
เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแล้ว สาวใช้ทั้งสองซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ภายในเกี้ยวสลบไปแล้ว เหลือหญิงสาวเพียงผู้เดียวที่ยังคงไม่หมดสติ นางเท้าคางอย่างเกียจคร้าน เส้นผมดำงามสลวยห้อยสยายเป็นแพลงมาตามลาดไหล่ มีเพียงถ้อยคำเดียวที่พอจะพรรณนาความงดงามของนางได้ นั่นก็คือ “สวยกระชากวิญญาณ”
***จบบท กำเนิดจิ้งจอกน้อยจอมซ่าส์ (5)***