“จื่อเอ๋อ กลับกันเถอะ” นัยน์ตาของไป๋เฉิงเซียงวาวโรจน์ ขณะกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ไป๋หยาน หากข้ารู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เจ้ากล่าวมาเป็นเรื่องโกหก ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้เด็ดขาด !“
ครั้นทิ้งคำขู่ไว้แล้ว เขาก็บังคับพาตัวบุตรสาวของตนออกไปจากที่นั่นทั้งที่นางไม่เต็มใจ
“ไป๋เฉิงเซียง ไอ้คนสารเลว มันคงคิดว่า ตาเฒ่าอย่างข้ากำลังป่วยอยู่ก็เลยทำอะไรได้ตามใจชอบ !” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ส่วนเจ้า อย่าคิดว่ามอบวิหคเพลิงให้ข้าแล้ว ข้าจะให้อภัยเจ้า ! “
ทันทีที่ไป๋หยานถอนสายตาจากประตูทางเข้า นางก็ได้ยินคำกล่าวตำหนิจากท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานทันที ทำให้นางถึงกับอึ้งไป
“ท่านตา…ข้าทำสิ่งใดผิดกระนั้นรึ ?”
ชายชราจ้องมองนาง นัยน์ตาของเขาหรี่ลงข้างหนึ่ง เขาหายใจเข้าออกแรงฟึดฟัด ราวกับจะให้ลมหายใจของตนพัดพาทุกอย่างปลิวไป ขณะกล่าวคำ “หากเจ้าต้องหิวโหยเช่นนั้น ก็แล้วเหตุใดเจ้าไม่มาที่นี่ ข้ามิใช่ตาของเจ้ารึไร ? มารดาของเจ้าอย่างไรเสียก็เป็นบุตรสาวของข้ามิใช่รึ ? เหตุใดเจ้าจึงปล่อยให้คนตระกูลไป๋รังแกเจ้าถึงเพียงนั้น ? “
ไป๋หยานได้แต่ยืนฟังคำตำหนิของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน นางจะบอกท่านอย่างไรว่านางมิใช่ไป๋หยานคนนั้น ?
“หลานหยู !” จู่ ๆ ชายชราก็คำรามลั่นขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับหันไปทางบุตรชายของตน หลานหยูรีบคุกเข่า และเดินเข่าเข้ามาหาบิดา
“ท่านพ่อ ท่านประสงค์สิ่งใด ?” เขาเอ่ยถามอย่างระมัดระวังพร้อมด้วยรอยยิ้มประจบประแจงที่สุดเท่าที่เขาสามารถปั้นได้
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานไม่หลงกลรอยยิ้มนั่น เขาชี้บุตรชายที่มีสีหน้าเจื่อน ๆ ด้วยความโมโห “ช่วงที่ข้าป่วย ข้ามอบหมายให้เจ้าดูแลบ้านสกุลหลาน แล้วนี่คือวิธีที่เจ้าดูแลลูก ๆ ของน้องสาวเจ้ากระนั้นรึ ? เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปดูดำดูดีพวกเขาที่บ้านตระกูลไป๋บ้าง ?”
หลานหยูกล่าวอย่างสำนึกผิด “ท่านแม่พยายามส่งคนไปรับหยานเอ๋อ ทว่าหยานเอ๋อไม่อยากรบกวนบ้านสกุลหลาน นางเลยไม่ยอมกลับมา”
“เจ้า…” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานโกรธจัด กระทั่งกล่าวคำใดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาไม่รู้จะกล่าวคำใดกับบุตรชายที่ไร้ประโยชน์ผู้นี้ “หากนางไม่กลับมา เจ้าก็ไม่ปัญญาสอบถามเรื่องราวของนางเลยรึไร ?”
นับตั้งแต่น้องสาวของเขา หลานเยี่ยจากโลกนี้ไป บิดาของเขาก็ล้มป่วยได้แต่นอนอยู่บนเตียง เขาจึงรับหน้าที่ดูแลบ้านสกุลหลานอย่างเต็มตัว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาเคยคิดเสมอว่าไป๋เฉิงเซียงต้องยังระลึกถึงบุญคุณของตระกูลหลานอยู่บ้าง และต้องดูแลหลาน ๆ ของเขาเป็นอย่างดี เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลานทั้งสองจะมีชีวิตหดหู่ นี่นับเป็นความผิดพลาดของเขาอย่างแน่นอน …
“เจ้ามัวทำบื้ออะไรอยู่ ?” ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานเตะบุตรชายด้วยความโมโห “ยังไม่รีบออกไปเตรียมตัวอีก ! นับจากวันนี้ไป ที่ใดมีสกุลหลาน ที่นั่นก็ต้องไม่มีสกุลไป๋ ! “
ช่วงเวลานี้นับเป็นโอกาสเหมาะที่ประกาศออกมาเช่นนี้ เพราะหลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้แล้ว แขกผู้มีเกียรติที่พร้อมหน้ากัน ณ ที่นี้ต่างก็ต้องเริ่มพิจารณาแล้วว่าจะอยู่ข้างฝ่ายใดระหว่างสองตระกูลนี้
ปีที่ผ่านมาบ้านสกุลหลานอยู่ในสภาพตกต่ำ เนื่องจากท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านล้มป่วย ทว่ายามนี้ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านไม่เพียงหายดีแล้ว หากแต่เขายังเป็นเจ้าของวิหคเพลิงอีกด้วย ตระกูลหลานย่อมกลับคืนสู่ตระกูลชั้นนำอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม …
บ้านสกุลไป๋ ก็ยังมีบุตรสาวที่เป็นถึงพระชายาเอก ซึ่งนับเป็นสิ่งที่บ้านสกุลหลานยากจะเปรียบเทียบได้
แม้ว่าตี้คังจะดูชื่นชอบไป๋หยานมาก ทว่าไม่มีทางที่ราชสำนักจะอนุญาตให้สตรีที่ไม่บริสุทธิ์เช่นนางได้อภิเษกสมรสกับท่านอ๋อง เพราะทางราชสำนักย่อมไม่อยากให้มีเรื่องอื้อฉาว นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าฮ่องเต้จะทรงพระราชทานสมรสให้แก่ท่านอ๋องคัง และบุตรสาวคนเล็กของบ้านสกุลไป๋
“หยานเอ๋อ เจ้าไปได้วิหคเพลิงนี่มากจากที่ใดหรือ ?” หลานฮูหยินผู้เฒ่ากุมมือไป๋หยานผู้เป็นหลานสาว พลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ข้าเคยช่วยชีวิตมันไว้ จากนั้นมันก็ติดตามข้ามาตลอด และข้าเห็นว่าเป็นวันเกิดของท่านตา ข้าจึงตัดสินใจมอบมันเป็นของขวัญให้ท่านตา” ไป๋หยานตอบ
ครั้นทุกคนได้ยินคำตอบต่างก็เข้าใจว่า ด้วยความแข็งแกร่งของไป๋หยาน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่นางจะสามารถควบคุมสัตว์อสูรระดับเทพ หากแต่กล่าวกันว่าสัตว์อสูรนั้นมีความกตัญญูยิ่ง เช่นนั้นการที่นางช่วยชีวิตมัน มันก็ย่อมต้องตอบแทน เรื่องนี้สามารถเป็นที่เข้าใจได้”
“พี่ไป๋หยาน” หลานเสี่ยวหยุนยิ้ม พร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่จะทำได้ “วันเกิดของข้ากำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้ พี่ออกไปช่วยสัตว์อสูรมาให้ข้าอีกสักตัวจะได้หรือไม่ ?”
***จบบท มีเรื่องสำคัญต้องทำ (1)***