มีเสียง “ตุบ” ดังอยู่บนศีรษะไป๋จื่อ นางรู้สึกว่าหัวของนางโดนไม้ตี หลังจากนั้นนางก็รู้สึกวิงเวียนจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
ครั้นยื่นมือไปลูบหน้าผาก มือของนางพลันแข็งค้าง ไป๋จื่อพบว่าฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยเลือด ! ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ นางกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ผู้ใด ผู้ใดกล้าตีหัวข้า ?”
ทว่า …
ครั้นไป๋จื่อหันกลับไปมอง ไม้ก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้ตีลงบนไหล่ของนาง
“ไป๋จื่อ นางมารร้าย ข้านี่แหละที่เป็นคนตีเจ้า !“
ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง ปรากฏร่างของเด็กสาวผมยาวสลวย นางถือไม้ท่อนยาวในมือ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เป็นเจ้านี่เอง !” ครั้นเห็นว่าหลานเสี่ยวหยุนคือผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง นัยน์ตาของไป๋จื่อพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง “เชอะ นิสัยของคนขี้แพ้ คนเยี่ยงเจ้าจะทำอะไรได้นอกจากลอบโจมตีลับหลัง“
“ขี้แพ้ ? เจ้าหมายถึงข้างั้นหรือ ?” หลานเสี่ยวหยุนเดาะไม้ยาวในมือ “วันนั้น หากไม่มีคนช่วยเจ้า ข้าก็ไม่มีวันแพ้เจ้าหรอก“
ต่อให้เป็นเสือร้ายสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถป้องกันตัวจากศัตรูหลายตัวในคราเดียว ครั้งก่อนนั้นไป๋จื่อให้คนรุมทำร้ายหลานเสี่ยวหยุน และนั่นเป็นเหตุให้ไป๋จื่อสามารถเอาชนะหลานเสี่ยวหยุนได้ ทว่าครั้นกลับถึงบ้าน ไป๋จื่อก็สร้างเรื่องขึ้นว่า นางเป็นผู้ที่ถูกรังแก ทำให้ไป๋เฉิงเซียงรีบไปที่บ้านสกุลหลาน เพื่อร้องหาคนรับผิดชอบ
“หยุนเอ๋อ” ไป๋หยานคลายวงแขนที่กอดอกออก ก่อนจะก้าวเข้าไปหาหลานเสี่ยวหยุนอย่างช้า ๆ พลางกล่าวว่า “คืนนี้ เจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำได้ตามแต่ใจเลย แล้วข้าจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้เอง” กลิ่นอายทรงอำนาจ อีกทั้งหยิ่งยโสแผ่กระจายออกจากร่างในอาภรณ์สีแดง คุกคามกระทั่งเหยื่อไม่กล้าหลบหนี
“พวกเจ้าสองคน … “
ไป๋จื่อชี้นิ้วไปที่ไป๋หยาน และหลานเสี่ยวหยุน ทว่าไม้ยาวในมือของหลานเสี่ยวหยุนก็เริ่มโจมตีขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี
“หลานเสี่ยวหยุน นางสารเลว !”
ไป๋จื่อกุมแขนที่เจ็บปวดของตน พลางวิ่งแยกเขี้ยวเข้าหาหลานเสี่ยวหยุนด้วยความโกรธแค้น ขณะเดียวกันน้ำตาก็ไหลพรากเต็มใบหน้า
ส่วนไป๋หยานที่หันหลังให้ไป๋จื่ออยู่นั้น จู่ ๆ ก็หันกลับมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นางยกขาข้างหนึ่งขึ้น …
ปัง !
ไป๋หยานถีบเข้าที่หน้าอกของไป๋จื่อ ส่งให้ร่างของหญิงสาวลอยละลิ่วข้ามถนนปะทะเข้ากับต้นไม้ใหญ่ ไป๋จื่อกระอักเลือดออกมา ปากของนางบิดเบี้ยวเหยเก
ครั้นหลานเสี่ยวหยุนเห็นสภาพอันน่าทุเรศของไป๋จื่อศัตรูคู่แค้น นางก็อุทานออกมาอย่างมีความสุข นางรีบพุ่งเข้าหาไป๋จื่อผู้ซึ่งนอนบาดเจ็บอยู่กับพื้น หลานเสี่ยวหยุนขึ้นไปคร่อมร่างไป๋จื่อจากนั้นก็รัวหมัดใส่ใบหน้าไม่ยั้ง
“ไป๋จื่อ เจ้าไม่จองหองเช่นเดิมแล้วกระนั้นหรือ ? ลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมาสู้กับข้า เจ้าคงรู้สินะว่าการมีผู้ช่วยมันยอดเยี่ยมมากเพียงใด ? และตอนนี้ข้าก็มีพี่ไป๋หยานคอยช่วยข้าบ้างแล้ว !”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลานเสี่ยวหยุนอัดอั้นกับไป๋จื่อค่อนข้างมาก ครั้งนี้นางได้ระบายความโกรธแค้นที่สะสมมานานหลายปี ไหนเลยนางจะยอมรามือโดยง่าย เช่นนั้นนางจึงจัดการไป๋จื่อจนสลบคามือ
“หยุนเอ๋อ จำไว้ว่าห้ามให้นางตาย นางยังไม่สมควรตายเวลานี้“
ไป๋หยานเบนสายตาไปมองท้องฟ้ายามราตรี พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่ก็นานมากแล้ว พวกเขาควรจะมาถึงได้แล้วนี่ …
ขณะที่ไป๋หยานกำลังคิดอยู่นั้น เสียงร้องกึกก้องของนกอินทรีย์พลันดังขึ้น ด้วยความตกใจหลานเสี่ยวหยุนรีบกระโดดขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว
“พี่ไป๋หยาน เกิดอะไรขึ้น ?”
ทันทีที่สิ้นสุดคำถาม นางก็เห็นนกอินทรีย์ยักษ์ร่อนลงจากท้องนภา มาหยุดเบื้องหน้าไป๋หยานอย่างรวดเร็ว
บนตัวนกอินทรีย์ มีสาวงามนางหนึ่งยืนอยู่
หญิงงามผู้นั้นสวมใส่อาภรณ์สีชมพู รอยยิ้มของนางเปี่ยมเสน่ห์ ความรุู้สึกแรกของหลานเสี่ยวหยุนที่มีต่อนาง ก็คือ “มาม่าซัง…“
***จบบท ไป๋จื่อโดนตี***