“พี่ไป๋หยาน … ” หลานเสี่ยวหยุนดึงแขนเสื้อของไป๋หยานอย่างเป็นกังวล นางเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “หญิงผู้นี้เป็นใคร ? นางมาที่นี่เพื่อพบพี่กระนั้นหรือ ?”
ไป๋หยานไม่ตอบคำ ทว่ากลับยิ้มให้ผู้มาใหม่ “ฮัวหลัว ดูเหมือนเจ้าจะมาช้าไปนะ … “
“ฮิ ฮิ ฮิ” ฮัวหลัวกระโดดลงจากนกอินทรีย์ยักษ์พร้อมกับหัวเราะคิกคัก “ข้าประสบปัญหาเล็กน้อยระหว่างทาง จึงเป็นเหตุให้ข้ามาสาย แล้วนายหญิงน้อยผู้นี้ เป็นน้องสาวของท่านกระนั้นหรือ ? ก็ไม่เลวนะ ให้นางมาทำงานกับข้าที่หอบุปผาดีหรือไม่ ?
นัยน์ตาที่วาววับของฮัวหลัว ราวกับจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาได้ ขนาดหลานเสี่ยวหยุนซึ่งเป็นสตรีด้วยกันก็ยังขนลุก กระทั่งแทบจะล้มลงกับพื้น
“พี่ไป๋หยาน … ” หลานเสี่ยวหยุนจ้องมองฮัวหลัวอย่างไม่สบอารมณ์นัก นางบุ้ยปากถามว่า
“นางเป็นใคร ? และหอบุปผาคือ.. ?”
หลานเสี่ยวหยุนอยากจะถามว่าหอบุปผาคือที่ใด ? แต่แล้วก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ นางเบิกตาค้าง พร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากตน
หอบุปผา ? คือหอบุปผาเดียวกับที่นางเคยได้ยินชื่อมาก่อนหรือไม่ ?
“ฮัวหลัว หยุนเอ๋อยังเด็กอยู่เลย เจ้าไม่ควรทำให้นางกลัว“
ไป๋หยานไม่ได้รู้สึกโกรธ เพราะนางรู้จักนิสัยของฮัวหลัวดี นางจึงไม่คิดอะไร
นอกจากนี้ นางก็ไม่อยากใช้อำนาจกับผู้ใต้บังคับบัญชาของนาง
“นายหญิง ข้าเพียงหยอกเย้านางเล่นเล็กน้อยเท่านั้น” ฮัวหลัวหัวเราะคิกคักอีกครั้ง นางส่งยิ้มที่มีเสน่ห์ไปให้เด็กสาวตัวน้อยที่ยามนี้หลบไปอยู่ด้านหลังไป๋หยานแล้ว “ไม่ว่าข้าจะใจกล้าบ้าบิ่นสักเพียงใด ข้าก็มิกล้าส่งน้องสาวของท่านไปรับแขกที่นั่นหรอก“
หอบุปผา เป็นสถานที่ซึ่งผู้ชายที่มีฐานะมักเข้าไปหาความสำราญกับบรรดาสาว ๆ ทว่าแท้จริงแล้ว หอบุปผาเป็นองค์กรสายลับ ถึงตอนนี้กลุ่มอำนาจต่าง ๆ ในอาณาจักรนี้ ก็ยังไม่รู้เลยว่าความลับของพวกเขาได้ถูกล้วงไปมากเพียงใดแล้ว
แต่อย่างที่ว่า ไม่มีความลับในหมู่กลุ่มอำนาจ เช่นนั้นเรื่องหอบุปผาจึงเป็นที่รู้กัน มีเพียงพวกชาวบ้านเท่านั้นที่คิดว่าหอบุปผาเป็นเพียงหอนางโลมธรรมดา ๆ เท่านั้น
และถึงแม้ว่าหลานเสี่ยวหยุนจะยังเด็ก ทว่าคุณหนูหลานก็คุ้นกับชื่อสถานที่แห่งนี้
“พี่ไป๋หยาน นางเป็นคนจากหอบุปผากระนั้นหรือ ? ใช่หอบุปผาที่เขาล่ำลือกันหรือไม่ ?” หลานเสี่ยวหยุนดึงแขนของไป๋หยาน ริมฝีปากของนางสั่นเทา เมื่อเอ่ยถามต่อว่า “เหตุใดนางถึงเรียกพี่ว่านายหญิงล่ะ ?”
“ไม่ผิด นางเป็นมาม่าซังผู้ดูแลหอบุปผา มีนามว่า ฮัวหลัว” ไป๋หยานไม่ปฏิเสธ
คำตอบนี้ทำให้หลานเสี่ยวหยุนตกใจมาก กระทั่งเกือบจะเป็นลม นางไม่เคยคิดฝันเลยว่า พี่สาวของนางจะเป็นเจ้าของหอบุปผาที่แท้จริง
โอ้สวรรค์ ! มีอะไรในโลกนี้จะน่าตื่นเต้นตกใจมากไปกว่านี้อีกหรือไม่ ?
“พี่ไป๋หยาน บอกข้ามาไว ๆ ว่าพี่เป็นเจ้าของหอบุปผาได้อย่างไร ? ความแข็งแกร่งของหอบุปผาเทียบได้กับราชสำนักเลยนะ ด้วยอำนาจของหอบุปผาสามารถบดขยี้สกุลไป๋ให้แหลกเละได้เลย“
ใบหน้าของหลานเสี่ยวหยุนแดงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความตื่นเต้น กระทั่งหายใจเกือบจะไม่ออก
หากเรื่องนี้รู้ถึงหูท่านปู่ รับรองได้ว่าท่านปู่คงจะเป็นลมด้วยความตื่นเต้น
“ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังในภายหลัง” ไป๋หยานยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นนางก็หันเหสายตากลับไปที่ฮัวหลัว “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากให้เจ้าทำ“
ทันทีที่นางได้ยินว่าไป๋หยานมีภารกิจให้นางทำ ท่าทีของฮัวหลัวก็จริงจังขึ้นทันที “นายหญิง…โปรดสั่งมา“
“ข้าสงสัยว่าการตายของมารดาข้า น่าที่จะเกี่ยวข้องกับหยูหรง เจ้าไปตรวจสอบเรื่องนี้มาให้ละเอียด นอกจากนี้เจ้าจะต้องสืบถามเรื่องราวของทุกผู้คนในบ้านสกุลไป๋ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ด้วย” สีหน้าของไป๋หยานเย็นชา อีกทั้งเคร่งขรึม นางกล่าวต่อว่า “รวมถึงประวัติของหยูหรงก่อนที่นางจะแต่งงานกับไป๋เฉิงเซียงด้วย“
ฮัวหลัวเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางมองไป๋หยานซึ่งยามนี้มีสีหน้าเย็นชา
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ บ้านสกุลไป๋ ทำเรื่องชั่วช้าไว้มากมายเสียเหลือเกินมา หากฆ่าพวกเขาทั้งหมดในเวลานี้ก็คงไม่สาสม ข้าจะทำลายชื่อเสียงของพวกเขา จะทำให้พวกเขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนหยัดได้อีกเลย !
***จบบท ฮัวหลัว มาม่าซังหอบุปผา***