กลิ่นหอมจาง ๆ ที่กระจายออกมาจากขวด ทำให้ไป๋เซียวรู้สึกสมองโล่งขึ้นทันที
ไป๋เซียวมองเด็กชายด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาพยายามเทสิ่งที่อยู่ในขวดเคลือบออกมาอย่างระมัดระวัง พลันยาเม็ดสีเขียวมรกตก็กลิ้งออกมาจากขวด …
“นี่คือ…ขนมของเจ้ากระนั้นหรือ ?” ไป๋เซียวหน้าตาตื่น
เจ้าเด็กสองคนนี่คงไม่แกล้งหลอกข้า เพราะคิดว่าข้าโง่ใช่หรือไม่ ?
ไป๋เสี่ยวเฉินพยักหน้าหนักแน่น พลางชี้นิ้วไปที่เม็ดสีเขียว ๆ นั่นอย่างไร้เดียงสา แลดูบริสุทธิ์สดใส “นี่คือขนมถั่วเคลือบน้ำตาลที่ข้าชอบเป็นที่สุด ทั้งมันยังมีรสชาติแตกต่างกันไป … “
ไป๋เซียวหายใจเข้าลึก เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับความสับสนในใจ เขาคว้าไหล่ของเด็กชายอย่างแรง อีกทั้งใช้น้ำเสียงจริงจังที่สุดเท่าที่เขาสามารถทำได้ “เฉินเอ๋อ ข้าจะบอกเจ้าอย่างจริงจังว่านี่มิใช่ขนม หากแต่นี่คือยาเม็ดจิตวิญญาณ ไม่ว่าเจ้าจะได้มันมาจากที่ใด ก็ไม่ควรปฏิบัติกับมันเหมือนมันเป็นขนมหวาน“
แม้ว่าเขาจะไม่เคยกินยาเม็ดจิตวิญญาณมาก่อน หากแต่เขาก็เคยเห็นมาไม่น้อย เช่นนั้นเพียงเหลือบมองเขาก็จดจำได้ทันที
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใด บรรดาอาจารย์ตาของหลานเขาจึงต่อสู้กัน เพื่อแย่งชิงสิ่งนี้ ก็ผู้ใดบ้างล่ะที่ไม่อยากได้ !
ไป๋เสี่ยวเฉินเกาหัว “แต่…ข้ามีขนมเหล่านี้มากมายจนข้ากินไม่หมดแล้วนี่ หากท่านน้าชอบ ข้าก็จะมอบให้ท่าน“
หัวใจของไป๋เซียวเต้นตูมตาม
นี่เด็กน้อยมียาเม็ดจิตวิญญาณกี่เม็ด ?
มากมายถึงขนาดกินไม่หมดเลยกระนั้นหรือ ?
เยอะขนาดนั้นเลย !
“นายน้อย ท่านจำสรรพคุณของยาเม็ดเหล่านี้ได้บ้างหรือไม่ ?” เสี่ยวมี่ทิ้งหางตาใส่ไป๋เสี่ยวเฉินทีหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่ม “ยาเม็ดเหล่านี้มีหลากหลายชนิด ไว้รอให้นายหญิงกลับมาบอกสรรพคุณท่านก่อน ท่านค่อยกินมัน ทว่าตอนนี้รีบกินยาเม็ดสีเขียวนั่นก่อน ร่างกายของท่านจะได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว “
ไป๋เซียวมองยาเม็ดในอุ้งมือ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ เขาส่งยาเข้าปากของตน
ทันทีที่ยาเม็ดล่วงผ่านเข้าไปในปาก เม็ดยาก็ละลายกลายเป็นของเหลว คล้ายกระแสน้ำใสจากแม่น้ำค่อย ๆ รินไหลลดอุณหภูมิร้อนระอุบนหน้าผากของเขา
“เฉินเอ๋อ ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว ตอนนี้เจ้ากับเสี่ยวมี่ควรรีบออกไปจากที่นี่ ก่อนที่จะมีผู้ใดมาเห็นเข้า“
ยามนี้ไป๋เซียวรู้สึกว่าร่างกายของตนดีขึ้นมาก ใบหน้าของเขาผ่อนคลายลง เขามองออกไปนอกหน้าต่างจึงเห็นว่าท้องฟ้ามืดมากแล้ว เช่นนั้นเขาจึงเร่งรัดให้พวกเด็ก ๆ กลับด้วยความเป็นห่วง
“ท่านน้า” ไป๋เสี่ยวเฉินเอ่ย ขณะกระพริบตากลมโตของเขา “คนสกุลไป๋ไม่ยอมให้ท่านไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับหม่ามี้หรือ ?”
ไป๋เซียวสั่นศีรษะ เขารีบอธิบายว่า “เมื่อคืนนี้ ข้าไข้ขึ้นสูง หยูหรงส่งคนมาดูอาการข้าครั้งหนึ่งในช่วงกลางวัน พอพวกเขาเห็นว่าข้ามีไข้ เขาก็จากไป“
“พวกเขาไม่เรียกหมอมาตรวจอาการท่านหรือ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินมีสีหน้าย่นยู่ น้ำเสียงวัยเยาว์ของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
ไป๋เซียวยิ้มอย่างขมขื่น “หากข้าไม่ป่วยถึงขนาดลุกไม่ขึ้นล่ะก็ คนอย่างหยูหรงมีหรือจะเรียกหมอมาดูอาการข้า ?”
“เสี่ยวมี่” ไป๋เสี่ยวเฉินโบกมือน้อย ๆ ด้วยความหงุดหงิด “ไปกันเถอะ !“
“เฉินเอ๋อ !” ครั้นเห็นท่าทีของหลานชาย ไป๋เซียวก็รีบลุกขึ้นยืน “เจ้าจะไปที่ใด”
“แน่นอนว่า ข้าต้องไปก่อกวนพวกเขา !” ไป๋เสี่ยวเฉินเชิดหน้า ใบหน้าที่บอบบาง อีกทั้งไร้เดียงสาเปล่งกลิ่นอายของราชา !
“อย่าทำเรื่องโง่ ๆ นะเฉินเอ๋อ” ไป๋เซียวรีบคว้ามือเล็ก ๆ ของหลานชาย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เขารีบเอ่ยห้ามปราม “ท่านแม่ของเจ้ายังไม่อยากให้เจ้าแสดงตัว หากเจ้าทำอะไรลงไป ท่านแม่ของเจ้าจะต้องโกรธเจ้าเป็นแน่ ! “
***จบบท ไป๋เสี่ยวเฉินอย่าทำเรื่องโง่ ๆ นะ***