วันรุ่งขึ้น
แสงตะวันยามเช้าทอลอดผ่านหน้าต่าง
เสียงกึกก้องจากด้านนอกดังทำลายความเงียบสงบภายในห้อง
ไป๋หยานย่นหน้าผาก ก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆ มือของนางควานหาร่างเด็กชายที่เคยนอนอยู่ในอ้อมแขน ทว่าตอนนี้กลับหายไปแล้ว
ที่นอนยังอุ่น ๆ อยู่ ชี้ชัดว่าเมื่อครู่ เขายังนอนอยู่ตรงนี้
“พี่ไป๋หยาน“
ปัง !
เสียงเรียกดังมาจากด้านนอก พลันประตูก็เปิดออก หลานเสี่ยวหยุนวิ่งผลุนผลันเข้ามา ใบหน้าที่น่ารักของนางเปี่ยมไปด้วยความสุข
“เกิดอะไรขึ้น“
ครั้นเห็นหลานเสี่ยวหยุนมีทีท่าเช่นนั้น ไป๋หยานก็เดาได้ว่า ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น ในขณะที่นางหลับ
“พี่ไป๋หยาน พี่จำได้หรือไม่ว่าเมื่อคืน ก่อนที่พี่จะออกจากงานเลี้ยงพี่ขอให้ท่านพ่อไปพบน้องชายพี่ที่บ้านสกุลไป๋ ?” หลานเสี่ยวหยุนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อคืนนี้ท่านพ่อของข้าได้พบกับไป๋เฉิงเซียง คนสารเลวนั่นพยายามยับยั้งไม่ให้เขาได้พบกับไป๋เซียว ทว่าสุดท้ายแล้วท่านพ่อของข้าก็ฝ่าเข้าไปข้างในจนได้“
“โอ้ ?”
ไป๋หยานเลิกคิ้ว “แล้วเรื่องนี้ดียังไง ?”
“แน่ล่ะ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก ทว่าเป็นเรื่องที่ข้ากำลังจะเล่าต่อจากนี้ต่างหาก” หลานเสี่ยวหยุนกล่าว ขณะที่ดวงตาของนางวาวแววเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “ครั้นท่านพ่อของข้า และผู้ติดตามบุกเข้าบ้านสกุลไป๋ได้ เขาก็เห็นหยูหรงกำลังเป็นบ้า ! ราวกับว่านางถูกบางสิ่งบางอย่างครอบงำ นางเกามือตนเองตลอดเวลา และที่สำคัญที่สุดก็คือนางเริ่มถอดเสื้อผ้าต่อหน้าธารกำนัล ! “
นัยน์ตาของไป๋หยานดูเหมือนครุ่นคิด นางเดาได้เลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องเป็นฝีมือของไป๋เสี่ยวเฉินบุตรชายของนางเป็นแน่
ซึ่งนางต้องยอมรับว่าเขาทำได้ดีมาก !
“พี่ไป๋หยาน พี่ไม่มีความสุขหรือ ที่มีคนตั้งหลายคนเห็นร่างเปลือยของหยูหรง ?” ใบหน้าของหลานเสี่ยวหยุนเปลี่ยนเป็นสีแดง แววตาของนางเปล่งประกายสดใส เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างมิอาจซ่อนเร้นได้ “หากข้ารู้มาก่อนว่าหยูหรงจะแก้ผ้า ข้าจะให้ท่านพ่อยกพวกไปที่บ้านสกุลไป๋มากกว่านี้อีก“
เมื่อคิดถึงสิ่งที่หยูหรงได้รับแล้ว ไป๋หยานก็ยกยิ้ม
“ความเจ็บปวดที่นางเคยมอบให้ข้าเมื่อหลายปีก่อน ข้าจะค่อย ๆ ทวงคืน ด้วยมือของข้าเอง !“
หลานเสี่ยวหยุนเอียงคอ พลางกระพริบตาอย่างสับสน … เหตุใดดูเหมือนพี่ไป๋หยานจะรู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด ?
จิ้งจอกล่ะ ?
ทันใดนั้นเองเด็กสาวก็นึกขึ้นมาได้ เมื่อเช้านี้บิดาของนางได้เล่าให้นางฟังว่า เมื่อคืนบ้านสกุลไป๋สาละวนกับการค้นหาสุนัขจิ้งจอกทั่วบ้าน ซึ่งลักษณะของสุนัขจิ้งจอกตัวนั้นใกล้เคียงกับสุนัขจิ้งจอกที่พวกนางพบบนถนนเมื่อวานนี้ …
ชั่วขณะนั้นเองแววตาของนางก็ฉายประกายเท่าทัน “จิ้งจอก พี่ไป๋หยาน หรือว่าพี่…. ? “
ไป๋หยานเหยียดแขนของตน ราวกับคนเพิ่งตื่นนอน เพื่อขัดจังหวะการซักถามของหญิงสาว “ข้ากำลังจะล้างหน้าล้างตา เจ้าออกไปข้างนอกก่อนจะดีหรือไม่ ?”
“ไม่ !” หลานเสี่ยวหยุนตีหน้าเศร้า “ข้ายังพูดไม่จบเลย พี่ก็จะไล่ข้าออกไปแล้วหรือ”
“ยังมีอะไรอีกหรือ ?”
“คือท่านปู่สั่งให้ข้ามาบอกพี่ว่า ไทเฮามีรับสั่งให้พี่เข้าเฝ้า พระองค์มีพระประสงค์จะพบพี่ แต่เป็นเพราะพี่ยังหลับอยู่ ท่านปู่เลยไม่ยอมให้ข้าเข้ามารบกวนพี่”
ไทเฮากระนั้นรึ ?
ไป๋หยานนิ่งเงียบเมื่อได้รับฟัง
ความประทับใจของนางที่มีต่อไทเฮานั้นไม่ลึกซึ้งเท่าใดนัก หากแต่นางก็รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างมารดาของนางกับไทเฮานั้นดีมาก มากเสียกระทั่งไทเฮาทรงมีพระประสงค์ให้หลานเยี่ยอภิเษกเข้าวัง อย่างไรก็ตามเนื่องจากมารดาของนางปฏิเสธ ไทเฮาจึงรับมารดาของนางเป็นบุตรบุญธรรมแทน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อครั้งไป๋หยานคนเดิมยังเยาว์ นางจึงมักติดตามมารดาเข้าวังหลวงเพื่อเฝ้าไทเฮา ทว่านับแต่หลานเยี่ยจากโลกนี้ไป เด็กสาวกำพร้าก็ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านสกุลไป๋ นั่นเป็นเหตุที่ความสัมพันธ์อันดีในอดีตของพวกนางเปลี่ยนเป็นเหินห่างไป
“เจ้าไปเรียนท่านตาทีเถิดว่า ข้าขอเตรียมตัวก่อน จากนั้นจึงจะเข้าวัง“
ในเมื่อตอนนี้นางกลับมายังเมืองหลวงแล้ว เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยงไม่เข้าวังหลวง