นอกจากนี้ ภายในวังก็ยังมีศัตรูของนางอยู่ด้วย
*****
ณ พระตำหนักเฟิงหลวน
สตรีผู้หนึ่งกำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้นุ่มอย่างเกียจคร้าน อย่างไรก็ตามทีท่ารวมถึงอาภรณ์สีเหลืองทองของนางก็แสดงให้เห็นถึงสถานะอันสูงส่งของนาง
นางกำนัลคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ผู้หนึ่งถือถาดผลไม้ อีกผู้หนึ่งยกถ้วยน้ำชาขึ้นเหนือศีรษะอย่างเคารพนบนอบ
“ฮองเฮาเพคะ พระชายาเอกขององค์รัชทายาท ขอเข้าเฝ้าเพคะ” นางกำนัลอีกคนเดินเข้ามาในห้องอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ย่อเข่าถวายบังคม
หนิงไต้รับถ้วยน้ำชาจากมือของหญิงสาวข้างกาย มาจ่อที่ริมฝีปากก่อนจะจิบ จากนั้นก็ค่อย ๆ วางลง
“ให้นางเข้ามา“
“เพคะ ฮองเฮา” นางกำนัลรับคำสั่ง ก่อนจะเดินออกไป
จากนั้นเพียงครู่ นางกำนัลคนเดิมก็เดินนำไป๋รั่วเข้ามาในห้อง
“หม่อมฉันขอถวายพระพรเสด็จแม่” ไป๋รั่วย่อเข่าเล็กน้อยพร้อมกับก้มศีรษะลง นางพยายามทำน้ำเสียงให้อ่อนโยน และผ่อนคลายที่สุดเท่าที่นางสามารถทำได้
หนิงไต้มีท่าทีผ่อนคลาย ขณะยกมือขึ้น
“รั่วเอ๋อ รีบลุกขึ้นเถอะ เจ้ามีเรื่องสำคัญอะไรถึงมาพบข้าในวันนี้“
ครั้นได้ยินเช่นนั้น ไป๋รั่วก็ยืดตัวขึ้น ใบหน้าอันมีเอกลักษณ์ของนางเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ นางก้าวเข้าไปหาหนิงไต้อย่างแช่มช้า
“เสด็จแม่ ประการแรก หม่อมฉันมาถวายพระพรเสด็จแม่ในยามเช้า ประการที่สอง หม่อมฉันได้ยินมาว่าไทเฮามีรับสั่งให้ไป๋หยานพี่สาวของหม่อมฉันเข้าวัง“
“ไป๋หยาน ?”
ครั้นได้ยินชื่อนี้ หนิงไต้ก็อดที่จะขมวดคิ้วมิได้ นัยน์ตาของนางเปล่งประกายฉายความรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“หญิงสกปรกผู้นั้นกล้าก้าวผ่านประตูวังหลวงของเราเข้ามากระนั้นหรือ ? รั่วเอ๋อ นี่เจ้าอยากเจอหญิงผู้นั้นด้วยหรือ ?”
ไป๋รั่วแสดงทีท่าเหมือนลำบากใจ ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ ขณะจ้องมองพระพักตร์ฮองเฮา “อย่างไรเสีย นางกับหม่อมฉันก็เป็นพี่น้องกัน หากเป็นเพราะหม่อมฉันแย่งองค์รัชทายาทมาจากนาง นางจึงมีอคติกับหม่อมฉัน จนทำให้ไม่อยากพบหน้าหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงมาขอพระราชทานอนุญาตจากเสด็จแม่ ให้เราสองพี่น้องได้พบปะกัน“
“เจ้าแย่งองค์รัชทายาทมากระนั้นรึ ? ไป๋หยานนางกล้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือ หนิงไต้ตบโต๊ะด้วยโทสะ พระพักตร์ของนางแลดูน่าเกลียดอย่างมาก “ข้ากับองค์รัชทายาทไม่เคยสนใจเรื่องที่นางเป็นคนไร้ค่า ทว่าครานั้นนางกล้าสร้างความเสื่อมเสียให้กับราชสกุลของเราได้อย่างไร ? เห็นได้ชัดว่านางเป็นคนผิด ยังกล้ากล่าวตำหนิเจ้าอีกกระนั้นหรือ ?
“เสด็จแม่ โปรดระงับโทสะด้วย” ไป๋รั่วคุกเข่าพร้อมทำเสียงสะอึกสะอื้น “ในครานั้นพี่สาวของหม่อมฉันยังเยาว์เลยไม่รู้ดีรู้ชั่ว กระทั่งทำผิดพลาดไป หากเสด็จแม่จะกล่าวโทษนางแล้ว โปรดตำหนิหม่อมฉันแทนเถิดเพคะ เป็นเพราะหม่อมฉันไม่อาจห้ามปรามนางได้ทัน นางจึงทำเรื่องน่าละอายเช่นนั้นลงไป… “
ฮองเฮาทอดพระเนตรไป๋รั่วผู้ซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่เบื้องพระพักตร์พร้อมกับถอนพระทัยอย่างไม่รู้จะตรัสคำใดอีก “เอาล่ะ ๆ ข้าไม่อารมณ์เสียแล้ว เจ้าลุกขึ้นเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเรื่องของนาง“
“ขอบพระทัยเพคะ เสด็จแม่” ไป๋รั่วลุกขึ้นช้า ๆ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “ไม่ว่าพี่สาวของหม่อมฉันจะเข้าใจหม่อมฉันผิดเพียงไร หม่อมฉันก็อภัยให้นาง เพราะมารดาของหม่อมฉันสอนให้หม่อมฉันรักพี่สาวมาตั้งแต่ยังเยาว์ เช่นนั้นหม่อมฉันจึงให้อภัยพี่สาวได้เสมอ”
ช่างเป็นน้องสาวที่น่ารัก แสนดีเสียเหลือเกิน !
หลายปีก่อน นางเป็นคนวางแผนให้ร้ายไป๋หยาน หากแต่กลับได้รับการยกย่องสรรเสริฐจากทุกผู้คน เป็นนางเองที่ผลักไป๋หยานตกสู่สถานการณ์เลวร้าย จากนั้นนางก็แย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่นางต้องการมาครอบครอง
“แต่” ไป๋รั่วตีหน้าลำบากใจ … “มีบางเรื่องที่หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าควรกราบทูลดีหรือไม่“
“รั่วเอ๋อ หากเจ้าต้องการพูดอะไร เจ้าก็พูดออกมาเถอะ พูดทุกอย่างที่เจ้าคิด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าให้การสนับสนุนเจ้าเสมอ“
ดูเหมือนหนิงไต้จะพอพระทัยพระสุณิสาคนนี้ของนางมาก เพราะหากในครานั้นพระโอรสของนางได้อภิเษกสมรสกับไป๋หยาน นางคงต้องกริ้วจนเสียสติไปจริง ๆ !
ไป๋รั่วกัดริมฝีปาก “หม่อมฉันขอพระราชทานพระกรุณาจากเสด็จแม่ให้รับพี่สาวของหม่อมฉันเป็นพระสนมขององค์รัชทายาทเพคะ !”
“ว่ากระไรนะ ?” หนิงไต้เลิกคิ้ว พร้อมตรัสด้วยความกริ้ว “นางแพศยาสกปรกนั่นจะเข้ามาเป็นสนมร่วมราชวงศ์กับเราได้อย่างไร ?”