“เสด็จแม่” ไป๋รั่วรีบเอ่ยปาก “เมื่อคืน องค์รัชทายาทเสด็จไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับพี่สาวของหม่อมฉัน จึงได้ทราบว่าท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานอาการดีขึ้นมากแล้ว หากสวามีของหม่อมฉันรับพี่สาวของหม่อมฉันมาเป็นพระสนม สวามีของหม่อมฉันก็จะได้รับการสนับสนุนจากบ้านสกุลหลาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเขาในกาลข้างหน้า“
“แต่ว่า …“
ไป๋หยานเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว หากองค์รัชทายาทรับนางเป็นพระสนม จะไม่เท่ากับทำให้ราชวงศ์แปดเปื้อนกระนั้นรึ ?
ดูเหมือนไป๋รั่วจะตระหนักถึงความกังวลของฮองเฮา นางจึงยิ้มหวานประจบ “เสด็จแม่ เรื่องนี้เราก็ประกาศต่อสาธารณชน เพียงว่าพี่สาวของหม่อมฉันเข้าตำหนักองค์รัชทายาท เพื่อติดตามหม่อมฉัน ทว่าแท้จริงแล้ว ฐานะของนางก็คือพระสนมคนหนึ่งขององค์รัชทายาท ด้วยวิธีนี้ราชวงศ์ของเราก็จะปราศจากมลทิน”
หนิงไต้หันมาทอดพระเนตร นางรู้ว่าสิ่งที่หญิงสาวกล่าวมานั้นเป็นความจริง แม้ว่าพระนัดดาของนางจะมีวาสนาบารมีที่ไม่ธรรมดา หากแต่ก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าบัลลังก์จะตกอยู่ในมือพวกเขา ยามนี้ราษฎรต่างจับตามององค์รัชทายาท เช่นนั้นหากพวกเขาสามารถรวมอำนาจของบ้านสกุลหลานเข้ามาได้ ก็จะเป็นการช่วยประกันความมั่นคงขององค์รัชทายาทอีกระดับหนึ่ง
แน่นอนว่า หนิงไต้ย่อมไม่เปิดเผยความคิดในใจของนางออกมา นางมองหน้าไป๋รั่วที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างเห็นใจ ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “รั่วเอ๋อ หากเราทำเช่นนั้น จะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้านะ“
การยอมให้มีสตรีอีกคนร่วมเตียง นางจะหลับอย่างมีความสุขได้เยี่ยงไร ?
จะมีสตรีสักกี่คนที่ยอมเสียสละหาคู่นอนให้สามีของตนเอง ?
การที่ไป๋รั่วตัดสินใจทำเรื่องที่ยากลำบากเช่นนี้ได้ ย่อมพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า นางเป็นสตรีที่มีคุณธรรมสูงส่ง อีกทั้งยังมีจิตใจดีงามยิ่ง
“เสด็จแม่ หม่อมฉันไม่เสียใจเพคะ” ไป๋รั่วส่ายศีรษะ “ตราบใดสิ่งที่หม่อมฉันทำเป็นเรื่องดีสำหรับพระสวามีแล้ว หม่อมฉันก็ยอมแม้ต้องสละตำแหน่งพระชายาเอกให้นางก็ตาม !“
แววตาของหนิงไต้ยิ่งชื่นชมพระสุณิสาคนนี้ของนางมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ทัศนคติที่มีต่อไป๋หยานก็แย่ลงเรื่อย ๆ เช่นกัน
ไป๋หยาน เจ้าคิดว่าพระสวามีของข้าจะชายพระเนตรแลมองเจ้ากระนั้นหรือ ? ไม่มีทาง องค์รัชทายาทไม่มีวันแตะต้องสตรีไม่บริสุทธิ์เช่นเจ้า !
ข้าเพียงอยากให้เจ้ามาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของข้า เพื่อที่ข้าจะได้เหยียบย่ำเจ้าให้สาแก่ใจ !
“พวกเจ้าเข้ามานี่สิ !” หนิงไต้พยักหน้าเห็นด้วย พระนางทอดพระเนตรไป๋รั่วอย่างปลอบประโลมพลางกล่าวว่า “ส่งคนไปรอนอกพระตำหนักอันหนิง ทันทีที่ไป๋หยานปรากฏตัว เจ้าก็เชิญนางมาพบข้าที่นี่ !“
“เพคะ ฮองเฮา”
นางกำนัลค่อย ๆ วางถาดผลไม้ลง จากนั้นนางก็ย่อเข่าถวายบังคม ก่อนจะก้าวถอยหลังออกไป
*****
เมื่อไป๋หยานเข้ามาถึงในวังตามรับสั่งขององค์ไทเฮา นางก็ตรงไปยังพระตำหนักอันหนิง ซึ่งยามนี้ไทเฮากำลังประทับรอนางอยู่
เสียงขันทีประกาศว่าไป๋หยานมาถึงพระตำหนักแล้ว ประตูพลันเปิดออก ม่านชั้นในถูกดึงขึ้น
ไป๋หยานเงยหน้าขึ้นมอง นางเห็นหญิงชราหน้าตาใจดีเดินเข้ามาโดยมีเด็กสาวผู้หนึ่งช่วยประคอง หญิงชรามองไป๋หยานพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“เจ้าคือไป๋หยานใช่หรือไม่ ? ข้าไม่ได้พบเห็นเจ้านานหลายปี ดูสิเจ้าโตขึ้นมากทีเดียว“
ไทเฮาทรงสัมผัสมือของไป๋หยาน พร้อมกับลูบเบา ๆ นางถอนพระทัยอย่างโศกเศร้า “หลานสาว…อย่าตำหนิข้าที่มิได้ปกป้องเจ้า ในครานั้นฮ่องเต้ทรงยืนกรานให้ยกเลิกการอภิเษกสมรส แม้ว่าข้าจะเชื่อมั่นในตัวเจ้า ว่าเจ้าหาใช่คนเช่นนั้นไม่ หากแต่ข้าก็มิอาจเปลี่ยนพระทัยฮ่องเต้ได้“
แม้จะเป็นที่รู้กันว่าฮ่องเต้เป็นบุตรที่แสนกตัญญูเพียงใด หากแต่เพราะความห่วงใยในชื่อเสียงของราชวงศ์ พระองค์จึงไม่มีทางที่จะมีพระราชานุญาตให้สตรีที่ไม่บริสุทธิ์อย่างไป๋หยานเข้าร่วมราชวงศ์ได้
“พวกเจ้ามัวยืนรออะไรกันอยู่ ?” ไทเฮาทอดพระเนตรนางกำนัลที่รายล้อมรอบ ๆ พระวรกาย พร้อมกับมีรับสั่งเสียงดังลั่น “เหตุใดยังไม่รีบไปหาที่นั่งให้ไป๋หยานอีกเล่า“
“เพคะ ไทเฮา“
นางกำนัลย่อเข่ารับพระดำรัสอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบถอยออกไป เพียงชั่วอึดใจ เก้าอี้ก็ถูกนำมาวางด้านหน้าไป๋หยาน
“ไทเฮา พระองค์ทรงรู้สึกไม่สบายพระวรกายที่ใดบ้างหรือไม่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ?” หลังจากไป๋หยานมองพระพักตร์ที่แลดูหมองเล็กน้อยขององค์ไทเฮา สีหน้าของไป๋หยานพลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
ไทเฮานิ่งอึ้งชั่วครู่ จากนั้นพระนางก็ทรงพระสรวล “เจ้าช่างใส่ใจห่วงใยข้าไม่ต่างกับมารดาของเจ้า ใช่แล้ว แท้จริง เมื่อไม่นานมานี้ข้าเพิ่งป่วย แต่ก็เพียงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าข้าคงจะโหมงานหนักเกินไป คงไม่เป็นไรหรอก“
“หม่อมฉันเกรงว่า จะไม่เล็กน้อย เช่นที่เข้าพระทัย … “