“เร็วเข้า ไปช่วยนางเร็ว !“
หนิงไต้เป็นผู้แรกที่ได้สติ นางมีรับสั่งให้นางกำนัลไปช่วยไป๋รั่ว จากนั้นนางก็เหลียวกลับไปทอดพระเนตรไป๋หยาน พร้อมกับตรัสด้วยโทสะว่า “ไป๋หยานเจ้ากล้ามาก เจ้ากล้ารังแกพระชายาต่อหน้าข้า ทั้งที่นางพยายามพูดดีกับเจ้า !
“ข้าเกิดมาพร้อมโรคหวาดระแวง ข้าไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องตัวข้า หากผู้ใดคิดแตะต้องข้า มือและเท้าของข้าจะเสียการควบคุมทันที” ไป๋หยานยักไหล่ราวกับเรื่องนี้ เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ การที่นางเตะไป๋รั่ว ก็เป็นเพราะนางควบคุมตนเองไม่ได้ต่างหาก
พระพักตร์ของหนิงไต้ดำมืดเต็มไปด้วยโทสะ นางตรัสอย่างฉุนเฉียวว่า “ข้าหมดความอดทนกับเจ้าแล้ว ยามนี้ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเจ้าได้แล้ว ผู้ใดก็ได้ลากนางออกไปโบยเดี๋ยวนี้ !“
ครั้นฮองเฮามีพระราชเสาวนีย์ ทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาไป๋หยาน
นัยน์ตาของไป๋หยานเปล่งประกายเย็นชา อีกทั้งแลดูอันตราย ขณะมองทหารองครักษ์เหล่านั้น ริมฝีปากของนางยกโค้งเล็กน้อย
รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกจากกาย เจตนาสังหารในแววตาของนางปิดไม่มิดอีกต่อไป
ทว่าชั่วเวลานั้นเอง เสียงเข้มเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งยโสก็ดังลั่นจนแก้วหูแทบแตก
“ผู้ใดให้สิทธิ์คนของท่าน วุ่นวายกับสตรีของข้า ?”
เสียงที่คุ้นเคยนั่นทำให้ไป๋หยานนิ่งงัน นางไม่มีเวลาตอบโต้ใด ๆ เมื่อท่อนแขนแข็งแกร่งคู่นั้นดึงนางเข้าสู่อ้อมอก
อ้อมกอดของเขาต่างจากจูบที่หยาบคาย อีกทั้งกระด้างครั้งก่อน อ้อมกอดของบุรุษผู้นี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น ทั้งยังให้ความรู้สึกปกป้อง … แม้แต่ไป๋หยานเองก็ได้แต่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?”
ครั้นไป๋หยานได้สติ นางก็เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านาง นางอดถอนใจลึก ๆ ไม่ได้ จะมีบุรุษใดในโลกนี้ที่หล่อเหลาได้ถึงเพียงนี้อีกหนอ หล่อหาใดเปรียบ หล่อแบบทรงอำนาจ
“เจ้าอยู่เฉย ๆ เถิด” ชายหนุ่มก้มมองพร้อมกับส่งยิ้มให้ ขณะเดียวกันแขนของเขาก็โอบรอบเอวของนางแน่น เพื่อกันมิให้นางหลบหนี “เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง“
ไป๋หยานเลิกคิ้ว “ท่านคิดจะทำอะไร ?”
เจอกันครั้งแรกเรียกได้ว่า ‘บังเอิญ’ หากแต่การพบกันครั้งหลัง ๆ ย่อมแสดงชัดแจ้งว่า ‘เจตนา’ ! หรือเป็นได้ว่าเขารู้เรื่องของไป๋เสี่ยวเฉินบุตรชายของนางแล้ว ?
“หยานหยานน้อยของข้า เจ้านี่ช่างซุกซนเสียเหลือเกิน ทำให้ข้าต้องตามล้างตามเช็ดอยู่เสมอ“
น้ำเสียงรักใคร่เอ็นดูนั่น ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาที่ไป๋หยาน นางได้แต่ยืนนิ่ง ไม่ต่างกับรูปปั้นโง่ ๆ
“ท่านกินยาผิดมาใช่หรือไม่ ?”
ค่ำคืนที่ผ่านมา เขายังแลดูคุกคาม กดดันนางอยู่เลย ผ่านไปเพียงคืนเดียวเขาเปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยน อีกทั้งใจดี ผู้ใดจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
ต้องกินยาผิดมาแน่นอน
ถ้อยคำนี้ ทำเอานัยน์ตาหงส์ที่คมเรียวของตี้คังฉายแววโกรธเล็ก ๆ เขาเหยียดปากยิ้มเยาะ พร้อมกับยื่นมือไปหยิกบั้นท้ายนาง เพื่อเป็นการลงโทษ
“โอ้ ! หยานหยานน้อยของข้า เจ้านี่ไม่น่ารักเลย ไว้รอให้ข้าจัดการเรื่องที่นี่เสร็จก่อน แล้วข้าค่อยคิดบัญชีกับเจ้า !“
ไป๋หยานราวถูกไฟช็อต นี่ตี้คังรู้เรื่องเฉินเอ๋อจริง ๆ ใช่หรือไม่ ?
ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางคงเผชิญหน้าตอบโต้เขาอย่างจริงจัง หากเขาหยิกก้นนางเช่นนี้
ทว่าตอนนี้ จากคำพูดของตี้คัง ทำให้นางต้องคิดแล้วคิดอีก
ความจริงที่ว่าตี้คังนั้นแข็งแกร่งมาก หากนางลงมือ นางสามารถเอาชนะเขาได้จริงหรือ ?
อย่างไรก็ตาม เฉินเอ๋อก็เป็นดั่งดวงใจของนาง นางจะไม่ยอมสูญเสียบุตรชาย หาไม่แล้วก็ต้องข้ามศพนางไปก่อน !
“อ๋องคัง ไป๋หยานทำร้ายพระชายา ท่านจะปกป้องนางกระนั้นหรือ ?”
ต่อหน้าบุรุษผู้นี้ หนิงไต้เองยังต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษก่อนที่นางจะทำการใด ๆ
อย่างที่ทุกคนรู้ อ๋องคังนั้นเปี่ยมด้วยอำนาจ อีกทั้งฮ่องเต้ยังไว้วางพระทัยอย่างสูง ส่วนด้านความแข็งแกร่งนั้น ยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าอ๋องคังแข็งแกร่งสักเพียงไร
ตี้คังเยาะ “เจ้าคิดว่าข้าต้องปกป้องนางหรือ ?”
หนิงไต้สบายพระทัย ทันทีที่ได้ยินถ้อยประโยคนี้ ตราบใดที่บุรุษผู้นี้มิคิดปกป้องไป๋หยานแล้ว ปัญหานี้ย่อมแก้ไขได้โดยง่าย
อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะทันได้ตรัสโต้ตอบคำใดออกไป เสียงที่ข่มขวัญของตี้คังก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“คนของข้าไม่เคยทำผิด หากพวกเขาไม่ได้ทำผิด แล้วจะมีความผิดได้แต่ที่ใด ?”
***จบบท ไม่เคยทำผิด จะมีความผิดได้แต่ที่ใด ?***