หญิงสาวคนนั้นแสดงกิริยาดูหมิ่นเหยียดหยาม ก็แค่คำทำนาย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าหากองค์ราชาเสกสมรสกับสตรีอื่น เขาจะไม่สามารถมีราชบุตรได้
เพียงนึกถึงภาพของราชาอสูรหมื่นปี หัวใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวรุนแรง
“หากเจ้าไม่มีกระไรแล้ว ก็หลีกทางไป เสด็จพี่ของข้าไม่มีวันชอบของราคาถูกเยี่ยงเจ้า !” หลังจากจบคำพูดแทงใจดำนี้ องค์หญิงก็เดินเลี่ยงสตรีนางนั้นไปอีกด้านหนึ่ง ก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้สตรีนางนั้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพร้อมด้วยดวงตาเขียวปั้ด แววตาของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจขณะมองตามหลังองค์หญิงไป
*****
ในเวลาเดียวกัน ณ ตำหนักขององค์ชายรอง ไป๋รั่วส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นนางก็หอบอย่างหนักอยู่บนเตียง
นางยกมือขึ้นห้าม พร้อมกับเอ่ยปากไล่นางกำนัลคนอื่นออกไป เหลือนางกำนัลเพียงคนเดียวอยู่กับนาง “หลิวเอ๋อ…เจ้าออกไปแจ้งแก่ทุกคนว่า ข้าคลอดก่อนกำหนด และย้ำด้วยว่าขอบคุณสวรรค์ที่ประทานพรให้ทั้งแม่และเด็กปลอดภัย”
ก่อนหน้าพิธีเสกสมรส ไป๋รั่วก็ตั้งครรภ์แล้ว แน่นอนว่าบิดาของเด็กย่อมต้องเป็น องค์ชายรอง ทว่าเรื่องนี้ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้ เช่นนั้น พวกเขาจึงต้องอ้างว่าเป็นการคลอดก่อนกำหนด เพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้
“เพคะ พระชายา” หลิวเอ๋อรับคำสั่ง “หากแต่ พระชายาเพคะ เมื่อครู่เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นในดินแดนของเรา ตอนนี้ผู้คนยังคงตกตะลึงกับปรากฏการณ์นั้นกันอยู่เลย”
“เหตุอัศจรรย์อะไรกัน ?”
“ข้าได้ยินมาว่า สิงสาราสัตว์ทุกตัวในโลกนี้ ต่างคุกเข่านมัสการมาทางทิศของอาณาจักรเรา”
“ราชวงศ์อสูรถือกำเนิดกระนั้นรึ ?” นัยน์ตาของไป๋รั่วทอประกาย นางยกยิ้ม หลิวเอ๋อ ไปกระจายข่าวลือเพิ่มอีกว่า สาเหตุที่สัตว์อสูรแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ นั่นเป็นเพราะว่าราชันอสูรได้มาถือกำเนิดเป็นบุตรชายของข้า พระนัดดาขององค์ฮ่องเต้”
เมื่อราชันอสูรถือกำเนิด โลกนี้จะรวมเป็นหนึ่ง !
เหตุใดข้าจะไม่รีบฉกฉวยประโยชน์จากเรื่องในครานี้เล่า ?
ยิ่งไปกว่านั้น หลิวเอ๋อยังบอกอีกว่า สัตว์ทุกตัวต่างก็หันหมอบคำนับอย่างนอบน้อมมาทางอาณาจักรหลิวฮั่วของเรา ผู้ใดจะรู้บางทีนั่นอาจหมายถึงพวกมันกำลังทำความเคารพกราบกรานลูกของข้าอยู่ก็เป็นได้
ในฐานะนางกำนัลที่ต่ำต้อย หลิวเอ๋อย่อมรู้ดีว่า นี่มิใช่เวลาที่จะซักถามใด ๆ อีก นางรับคำด้วยความเคารพ “เพคะ พระชายา ข้าจะออกไปจัดการทันที”
ครั้นนางกำนัลจากไปแล้ว เหลือเพียงไป๋รั่วนอนอยู่ในห้องที่กว้างใหญ่แต่ลำพัง ไป๋รั่วก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งใดอีก นางหัวเราะออกมาอย่างน่ากลัวโดยไม่ปิดบังใด ๆ
“ไป๋หยาน ต่อให้เจ้าเป็นบุตรของคนสกุลไป๋ เป็นหลานของคนสกุลหลานก็แล้วอย่างไรเล่า ? สุดท้ายทุกสิ่งที่เป็นของเจ้าล้วนตกอยู่ในมือของข้า ทั้งตำแหน่งของเจ้า เกียรติอำนาจของเจ้าก็ตกเป็นของข้า ตอนนี้แม้แต่บุตรชายของข้าก็ยังเหนือกว่าเจ้า !”
“บุตรชายของข้ามิได้เป็นเพียงแค่พระนัดดาขององค์ฮ่องเต้เท่านั้น ทว่าตอนนี้เขายังเป็นผู้ที่ได้รับการเคารพสักการะจากสิงสาราสัตว์นับล้านตัว แต่สำหรับเจ้าแล้ว … ชื่อเสียงของเจ้าพังพินาศย่อยยับ ไม่เหลือชิ้นดี มีเพียงความอับอายขายหน้าเท่านั้นสำหรับเจ้า และลูกไม่มีพ่อนั่น ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ~ !”
“ชาตินี้เจ้าไม่มีวันเทียบข้าได้หรอก !”
*****
ห้าปีต่อมา
บนเกาะกลางทะเลสาบแห่งหนึ่ง มีบ้านไม้ไผ่สวยงามตั้งอยู่ ภายในมีหญิงสาวคนหนึ่งเอนกายอย่างเกียจคร้านบนเบาะนอนนุ่ม ๆ ใบหน้าของนางเคลือบด้วยแสงแดดที่ส่องประกายระยิบระยับทอลอดมาจากช่องหน้าต่าง
ทันใดนั้นเองหญิงสาวพลันรู้สึกว่าแก้มของนางกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างก่อกวน ดูเหมือนจะเป็นเส้นขนจากหางปุย ๆ
ตอนแรกเปลือกตาของนางเพียงขยับยุกยิก จากนั้นนางก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะเปิดฉากต่อสู้ นางกระโดดลุกขึ้น พร้อมกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ไป๋เสี่ยวเฉิน… ออกมาเดี๋ยวนี้นะ !”
บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยสุนัขจิ้งจอกทุกซอกทุกมุม กระทั่งไม่เหลือพื้นที่พอให้ขยับตัว จิ้งจอกหลายตัวที่ไม่มีพื้นที่เหลือก็จะปีนป่ายตัวนาง พวกมันทิ้งทั้งขน ทิ้งทั้งกลิ่นสาบ กระทั่งร่างกายของนางเต็มไปด้วยกลิ่นสาบสัตว์
ไป๋เสี่ยวเฉิน ซึ่งกำลังหลบอยู่นอกบ้าน รู้ตัวว่าจะต้องโดนมารดาลงโทษเป็นแน่ เขาค่อย ๆ เดินผ่านประตูเข้ามาในห้อง ดวงตากลมโตใสซื่อบริสุทธิ์กระพริบปริบ ๆ เหมือนกำลังพยายามหาข้อแก้ตัว
“เสี่ยวเฉิน !” ไป๋หยานกัดฟันกล่าว “บอกแม่มาสิว่า มันเกิดอะไรขึ้น…หืม ?”
***จบบท กำเนิดจิ้งจอกน้อยจอมซ่าส์ (8)***