เมื่อได้ยินถ้อยคำที่แสดงถึงความตื่นเต้นของไป๋จื่อ หลี่กงกงก็ได้แต่ยิ้ม เขาไม่อธิบายเพิ่มเติมว่า
ครั้งนี้เขาไม่เพียงแต่มาที่บ้านสกุลไป๋ เพื่อมอบพระราชโองการ ทว่าหลังจากนี้เขายังต้องไปที่บ้านสกุลหลาน อีกทั้งยังต้องไปที่ตำหนักอ๋องคังด้วย
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของหลี่กงกงแล้ว หากเป็นพระประสงค์ของฮองเฮา มีหรืออ๋องคังจะกล้าขัด !
“คุณหนูไป๋ ข้ายังมีธุระต้องจัดการ ข้าขอตัวก่อน“
“พวกเจ้าเข้ามานี่…” ไป๋เฉิงเซียงได้สติอีกครั้ง เขารีบออกคำสั่ง
“ส่งหลี่กงกงด้วย”
ยามนี้ในสมองของไป๋จื่อมีแต่ข้อความในพระราชโองการ เช่นนั้นนางย่อมไม่สนใจหลี่กงกงอีก เมื่อบ่าวรับใช้ส่งหลี่กงกงออกไปแล้ว นางก็เงยหน้าขึ้นอย่างเอียงอาย “ท่านพ่อ ข้าจะบอกผู้คนทั้งโลกว่า ในไม่ช้า ข้าก็จะได้เป็นพระชายาของตี้คัง ! ผู้หญิงเหล่านั้นจะได้เลิกคิดใฝ่ฝันถึงคู่หมั้นของข้าเสียที ! “
โดยเฉพาะไป๋หยาน นางแพศยานั่น !
ต่อให้นางสามารถดึงดูดใจอ๋องคังได้แล้วยังไง ? อย่างไรเสีย นางก็เป็นแค่สตรีที่มีมลทิน อ๋องคังก็เพียงหลงนางชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น เขาไม่มีวันรับนางเป็นภรรยาแน่ !
“ดี เอาเลย”
ความหม่นหมองบนใบหน้าของไป๋เฉิงเซียงที่มีมาก่อนหน้านี้ได้มลายหายไปสิ้น เขาเผยรอยยิ้มหล่อเหลา “เจ้าต้องไปเยี่ยมบ้านสกุลหลาน เพื่อเชิญพวกเขาเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าด้วย ให้คนสกุลหลานได้รู้ว่าบุตรสาวของข้านั้นยอดเยี่ยมที่สุดเสมอ ! “
สำหรับไป๋หยาน …
นางก็แค่เด็กเนรคุณที่ถูกขับออกจากตระกูล ไม่มีค่าพอที่จะเป็นบุตรสาวของเขา !
“ได้ ท่านพ่อ”
ไป๋จื่อแลบลิ้นออกมาอย่างมีความสุข นางถือพระราชโองการในมือแน่น ขณะรีบวิ่งออกไปที่ประตู
ที่จริงแม้ว่าไป๋เฉิงเซียงบิดาของนางจะไม่บอก ไป๋จื่อก็ต้องไปเยี่ยมบ้านสกุลหลานอีกครั้งเพื่อโอ้อวด
*****
ณ ตำหนักอ๋องคัง
สิงโตทองคำคู่ตัวใหญ่ที่ตระหง่านอยู่หน้าประตูดูราวกับจะมีชีวิตขึ้นมาเวลาใดก็ได้ นั่นทำให้หัวใจของหลี่กงกงอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
“เจ้าไปบ้านสกุลหลาน” หลี่กงกงหันไปหาขันทีน้อยผู้ซึ่งตามหลังเขามาพร้อมกับออกคำสั่ง “อัญเชิญพระราชโองการของฮองเฮาที่มีพระราชเสาวนีย์ให้ไป๋หยานถวายตัวเป็นพระสนมของอ๋องคังไปมอบให้นางที“
เขาได้เดินทางมาเอาอกเอาใจพระชายาเอกของอ๋องคังด้วยตนเองแล้ว พระสนมเล็ก ๆ เช่นนั้นไหนเลยเขาจะต้องใส่ใจ
เป็นแค่พระสนมไม่มีค่าพอที่เขาจะต้องเดินทางไปมอบพระราชโองการด้วยตนเอง
ขันทีน้อยรับคำสั่ง เขาก้มตัวคารวะ ก่อนจะนำม้วนพระราชโองการจากไป
ครั้นขันทีน้อยจากไปแล้ว หลี่กงกงก็ย่างเท้าหมายจะเข้าตำหนักอ๋องคัง
“ช้าก่อน !”
ทหารยามที่ยืนรักษาการณ์อยู่ข้างหน้าประตูตำหนักสองนายได้ขวางเขาไว้
“ท่านอ๋องมีรับสั่ง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าตำหนักโดยปราศจากรับสั่ง”
หลี่กงกงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาหยุดยืนหน้าประตูที่ปิดอยู่ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้ามาที่นี่ก็ด้วยพระราชเสาวนีย์จากฮองเฮา เชิญเสด็จอ๋องคังออกมารับพระราชโองการด้วย“
พระราชโองการของฮองเฮา
ทหารยามทั้งสองหันมองหน้ากัน หน้าผากของพวกเขาเริ่มมีเหงื่อซึม
“พวกเรารับคำสั่งจากอ๋องคังเท่านั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ได้รับการยกเว้น“
คิ้วของหลี่กงกงขมวดแน่นขึ้น เขาก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าว พร้อมกับกล่าวด้วยเสียงแหลม ๆ ว่า “ฮองเฮามีพระราชเสาวนีย์ อ๋องคังโปรดออกมารับพระราชโองการ !”
เพราะความเงียบ ทำให้เสียงแหลมเล็กของเขาก้องกังวาน …
ครั้นหลี่กงกงเห็นว่าภายในไร้ซึ่งการตอบสนอง เขาก็คิดจะลองตะโกนให้ดังขึ้น ทว่าทันใดนั้นเอง น้ำเสียงที่ทรงอำนาจก็ดังมาจากในตำหนัก
“ออกไป !“
ออกไปกระนั้นรึ ?
หลี่กงกงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
อ๋องคัง ทำเช่นนี้ไม่ไว้หน้ากันเลยกระนั้นรึ ? เขามาที่นี่เพื่อมอบพระราชโองการจากองค์ฮองเฮา เหตุใดตี้คังถึงกับกล้าไล่เขา ?
ทหารยามทั้งสองเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก พวกเขารู้ได้จากน้ำเสียงของท่านอ๋องว่ายามนี้ท่านอ๋องกำลังโกรธ ทั้งคู่รีบก้าวไปข้างหน้า พวกเขาพร้อมที่จะโยนขันทีเฒ่าออกไปทันทีที่ขันทีเฒ่าส่งเสียงดังอีกครั้ง
หลี่กงกงรีบกล่าวเสียงดังว่า “อ๋องคัง ข้ามาที่นี่ก็เพื่อนำข่าวดีมาแจ้งแก่ท่าน ! ข่าวดี ก็คือฮองเฮาจะพระราชทานพิธีอภิเษกสมรสให้ท่านกับบุตรสาวบ้านสกุลไป๋ !“
***จบบท อำนาจของตี้คัง (2)***