ทันใดนั้นเองสายลมแรงก็พัดออกมาจากตำหนัก พร้อมด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วง แรงกดดันนั้นมากพอที่จะทำให้หลี่กงกงต้องทรุดร่างคุกเข่าลงกับพื้น หลี่กงกงเงยหน้าเหี่ยว ๆ ที่เต็มไปด้วยเหงื่อขึ้นมองบุรุษในอาภรณ์สีม่วงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยอาการนิ่งงัน
“ไป๋หยานกระนั้นรึ ?”
ถ้อยคำที่หลุดจากปากตี้คัง ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ใบหน้าที่ภาคภูมิแลดูเย็นยะเยือก
ไม่น่าใช่ ฮองเฮาไม่น่าจะมีความคิดอยากช่วยให้เขาสมปรารถนากับไป๋หยานเป็นแน่ !
เช่นนั้นอาจจะเป็นบุตรสาวอีกคนของบ้านสกุลไป๋ หรือว่าจะเป็นไป๋จื่อ
“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องคัง” หลี่กงกงฝืนยิ้ม “แท้จริงแล้วฮองเฮาก็คิดจะพระราชทานไป๋หยานให้แก่ท่าน ทว่าชื่อเสียงของนางไม่ดี จึงให้นางเป็นได้เพียงพระสนม ฮองเฮาจึงพระราชทานสตรีอีกคนที่เหมาะสมกว่า และดีกว่าไป๋หยานหลายเท่านัก“
“โอ้ ?” มุมปากของตี้คังโค้งขึ้นราวกับจะยิ้มเยาะ ทว่ากลับแลดูคล้ายกระหายเลือดเสียมากกว่า“เช่นนั้น เจ้าบอกข้าทีสิว่า ใครคือสตรีผู้นั้น ผู้ที่ว่าดีกว่าไป๋หยานหลายเท่าน่ะ ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า สตรีผู้นั้นก็คือไข่มุกงามล้ำค่าของบ้านสกุลไป๋…ไป๋จื่อ ไป๋จื่อกับท่านอ๋องคังเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก ทั้งยังได้อภิเษกสมรสพระราชทานจากฮองเฮา ย่อมเป็นที่อิจฉาของผู้คนทั่วหล้า“
หลี่กงกงไม่ทันสังเกตเห็นความโกรธเคืองในคำกล่าวของตี้คัง เขายังคงเจื้อยแจ้วไปเรื่อยพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างที่แทบจะฉีกถึงใบหู
ทว่าก่อนที่ขันทีเฒ่าจะทันรู้ตัว ร่างของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
บรรยากาศรอบกายตี้คังเย็นยะเยือกยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทันใดนั้นเองทหารยามหน้าประตูทั้งสองทรุดตัวคุกเข่าลงทันที พร้อมกับตัวสั่นงันงก
หลี่กงกงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจู่ ๆ ทหารยามทั้งสองถึงคุกเข่าลงเช่นนั้น ?
หลี่กงกงยิ้มเจื่อน ๆ “ท่านอ๋องคังได้โปรดรีบรับพระราชโองการเถอะ ข้าต้องกลับไปที่พระตำหนักของฮองเฮา เพื่อถวายรายงานอีก“
ตี้คังเลิกคิ้ว นัยน์ตาของเขาแลดูเย่อหยิ่ง อีกทั้งคุกคาม “อาณาจักรหลิวฮั่วแห่งนี้ ไม่มีฮองเฮา“
ถ้อยคำที่ไม่อาจอธิบายได้นี้ ทำเอาหลี่กงกงตกตะลึงงงงัน
อ๋องคังบ้าไปแล้วหรือไร ? เหตุใดถึงกล่าวว่าไม่มีฮองเฮาในอาณาจักรหลิวฮั่วนี่ ? ‘
“อ๋องคัง ฮองเฮาประทับอยู่ในพระตำหนักเฟิงหลวน เหตุใดท่านจึงกล่าวว่าไม่มีฮองเฮาเล่า ?” หลี่กงกงปาดเหงื่อบนหน้าผาก พร้อมทั้งพยายามกล่าวอย่างเป็นมิตร
ทหารยามทั้งสองหันมองหลี่กงกงด้วยสายตาเหยียดหยัน ขันทีเฒ่าผู้นี้โง่เขลาเบาปัญญาเสียจริง เขาไม่เข้าใจความหมายของท่านอ๋องคังเอาเสียเลย
แน่ชัดว่า…
นัยน์ตาเรียวคมของตี้คังหรี่ลง พร้อมกับเปล่งประกายรุนแรง ในขณะที่ใบหน้าของเขาก็ยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ “ในเมื่อข้าบอกว่าไม่มีฮองเฮาในอาณาจักรหลิวฮั่วนี่ เช่นนั้นนับแต่นี้ไป อาณาจักรแห่งนี้ก็จะไม่มีฮองเฮา“
ครั้นได้ยินเช่นนี้ หลี่กงกงก็ตกใจแทบสิ้นสติ
อ๋องคังหมายความว่า เขาต้องการที่จะปลดฮองเฮากระนั้นหรือ ? เขามีสิทธิ์ทำได้เช่นนั้นเลยหรือ ?
ชั่วขณะนั้นเอง …
หมาป่าสีเงินยวงที่แลดูน่าสะพรึงกลัวก็ลากเลื่อนบัลลังก์ร่อนลงมาจากท้องฟ้า แล้วมาจอดลงเบื้องหน้าตี้คัง
ตี้คังก้าวช้า ๆ ขึ้นไปนั่งบนบัลลังค์ จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากแต่ทรงพลังว่า “พาเขาไปด้วย เราจะไปที่ท้องพระโรงของวังหลวงกัน !“
หมาป่าสีเงินยวงที่อยู่ด้านหน้าเขากางกรงเล็บอันวาววับขึ้นตะปบตัวหลี่กงกงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเองร่างทั้งหมดก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ต่างกับสายอสนีบาต เพื่อมุ่งตรงสู่วังหลวง
*****
ภายในท้องพระโรง ขุนนางหลายคนกำลังถวายรายงานความเป็นไปล่าสุดของอาณาจักรนี้ต่อองค์ฮ่องเต้
หนานกงหยวนประทับเหนือบัลลังก์มังกร สีหน้าของเขาราวกับกำลังหงุดหงิดกับเรื่องไร้สาระของขุนนางเฒ่าทั้งหลาย
“เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแค่นี้ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องนำขึ้นรายงานเรา หากไม่มีเรื่องสำคัญใดแล้ว ก็ให้ปิดการประชุมได้“
ครั้นได้ยินพระสุรเสียงบรรดาขุนนางต่างก็ตัวแข็ง พวกเขาถอยกลับไปยืน ณ ตำแหน่งเดิมของตน โดยไร้ซึ่งคำกราบทูลใดอีก
เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดถวายรายงานแล้ว หนานกงหยวนก็ทรงผ่อนคลายลง ทรงหมายจะมีกระแสรับสั่งให้เลิกประชุม แต่แล้วก็ทรงได้ยินเสียงดังลั่น พลันร่าง ๆ หนึ่งก็ร่วงตกจากหลังคาหล่นลงสู่กลางท้องพระโรง
“นั่น…หลี่กงกงคนสนิทของฮองเฮาใช่หรือไม่ ? เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ?” ขุนนางทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อแลเห็น
ดูเหมือนว่าหลี่กงกงจะถูกจับโยนลงมาอีกด้วย !
***จบบท อำนาจของตี้คัง (3)***